ประธาน ส.ตราสารหนี้ฯ คาดครึ่งปีหลังหุ้นดีขึ้น ประเมินดัชนีฯ ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 1,420 จุด เผยสัญญาณ ดบ.นโยบาย หากมองผลกระทบระยะสั้นอาจมีการปรับลด แต่หากมองในระยะยาวต้องคงไว้ที่ระดับเดิม 2.25% พร้อมคาดหากการเมืองยืดเยื้ออาจฉุดจีดีพีโตต่ำกว่า 3%
นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานสมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า หากสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยยืดเยื้อ และไม่มีความชัดเจนภายในครึ่งปีแรก มีความเป็นไปได้ว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศในเรื่องของการลดมาตรการทางเศรษฐกิจ (QE) ของทางสหรัฐฯ ที่เป็นผลทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว และกระทบความเชื่อมั่น การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน และภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการส่งออกที่แม้ว่าจะฟื้นตัว และได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะมีการขยายตัวต่อเนื่องหรือไม่
“มาตรการ QE เป็นผลทำให้มีเงินไหลออกต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละองค์ประกอบของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้จ่ายทางด้านการลงทุนของภาคเอกชน และภาครัฐที่อาจจะชะลอลง และมีเรื่องของการส่งออกที่แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว แต่ก็ต้องระวังว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัวต่อเนื่องหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยูที่ 1,420 จุด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังระบุไม่ได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ก็เชื่อว่าครึ่งปีหลังดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับมาดี หากได้ภาคการส่งออกเข้ามาช่วย
นอกจากนี้ ในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือนั้น เป็นหน้าที่การตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการส่งสัญญาณ ว่า จะมองถึงผลกระทบในระยะสั้น หรือระยะยาว ซึ่งหากต้องการความมั่นใจต่อการลงทุนในระยะสั้น ทาง ธปท.อาจพิจารณาการปรับลดดอกเบี้ย แต่ถ้าหากมองปัจจัยระยะยาว ก็คงต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ระดับเดิมที่ 2.25% ทั้งนี้ มองการซื้อขายพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้ว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 4 แสนล้านบาท