“บัณฑิต” เผยสัญญาณต่างชาติกลับมาลงทุนในตราสารหนี้ โดยพบว่ามีเงินไหลออก 6 หมื่นล้าน และมีเงินใหม่ไหลเข้า 1 แสนล้าน ด้านภาพรวมตลาดหุ้น “เอเซีย พลัส” คาดแรงขายต่างชาติเบาบางลง ไม่หนักเหมือนช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการขายสลับซื้อ
นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานคณะกรรมการสมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2556 มีเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย 60,000 ล้านบาท เป็นการขายตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะยาว และตราสารครบกำหนด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับยอดถือครองสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ 800,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5-6
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เริ่มมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้เป็นช่วงๆ โดยลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่า ทำให้การถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบันเป็นการซื้อสุทธิ 100,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2555 ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูง
นายบัณฑิต กล่าวว่า ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งอัตราการว่างงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรม เพื่อวิเคราะห์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ลงตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ หากปรับลดจริงภาวะตลาดก็จะมีความผันผวน เพราะนโยบายการเงินของสหรัฐฯ อาจจะเริ่มเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลตลาดการเงิน และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนให้ดีอย่าให้มีความผันผวนมากจนกระทบต่อการทำธุรกิจ และสภาพคล่อง
ส่วนแนวโน้มการระดมทุนของภาคเอกชนในระยะต่อไป นายบัณฑิต กล่าวว่า ต้นทุนทางการเงินในการออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนเริ่มขยับสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยระยะยาวเริ่มมีทิศทางขาขึ้น ไม่ได้ต่ำเหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่สภาพคล่องมีมาก ดังนั้น ภาคเอกชนต้องวางแผนการระดมทุนให้ดี ซึ่งเชื่อว่าการออกพันธบัตร และหุ้นกู้ยังได้รับความสนใจ เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าสินเชื่อธนาคาร
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระหว่างวันที่ 17-21 มิถุนายน 2556 โดยมองว่าแรงขายต่างชาติจะเริ่มเบาบางลง เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-13 มิ.ย.) ต่างชาติเทขายสุทธิหุ้นไทยราว 1.2 หมื่นล้านบาท โดยหากพิจารณารอบการซื้อของต่างชาติรอบล่าสุดตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.2554 เป็นต้นมา ยอดซื้อสะสมสูงสุดที่ 1.06 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2556 หลังจากนั้น นักลงทุนกลุ่มนี้ได้เทขายออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. จนถึงวันที่ 12 มิ.ย.2556 รวม 7.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของยอดซื้อสูงสุด
ซึ่งโดยปกติแล้วต่างชาติจะเทขายออกมาในแต่ละรอบราว 50-70% ของยอดซื้อสูงสุด จึงยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะเทขายออกมาอีก เนื่องจากสัดส่วนการถือครองผ่าน NVDR ยังอยู่ในระดับที่สูง แต่น่าจะเป็นการขายสลับซื้อไม่เทขายอย่างหนักเหมือนรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดังนั้น คาดว่าแรงขายจากนี้น่าจะเริ่มเบาบาง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องติดตามการประชุมเฟดวันที่ 18-19 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ QE สำหรับกลยุทธ์การลงทุน จึงเลือกหุ้นที่เติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ และจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ