ASTVผู้จัดการรายวัน-สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA ประเมินนักลงทุนต่างชาติเตรียมขายสุทธิอีกกว่า 1 แสนล้านจากมาตรการลดขนาด QE พร้อมคาดกนง.จะยังคงดอกเบี้ย R/P ในการประชุมวันนี้ (22 ม.ค) คาดทั้งปีเอกชนออกหุ้นกู้อีก 4-4.2 แสนล้านบาท
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงถัดไปคาดว่าตลาดยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด โดยปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อบรรยกาศการลงทุนในช่วงถัดไปยังคงเป็นเรื่องของกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะมีโอกาสไหลออกตามการลดขนาดของ QE ในสหรัฐฯ
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้นยังเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทิศทางของดอกเบี้ยภายในประเทศ และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นที่จะต้องจับตามอง
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะมีการประชุมในวันนี้(22 ม.ค.) เราประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ทั้งนี้แนวโน้มผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะนั้นมีแนวโน้มที่จะลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยในประเทศที่มีอาจมีความจำเป็นต้องใช้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวนั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเงินทุนต่างชาติที่มีโอกาสไหลออกตามขนาดของ QE ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องในปีนี้
"ในส่วนของการลดมาตรการ QE ของเฟดในปีนี้นั้น เราประเมินว่าจะมีเม็ดเงินขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากมาตรการลดขนาดของ QE ประมาณ 1 แสนล้าน โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 ยอดการถือครองของตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ 707,902 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในปีที่ผ่านมานั้นมีการสลับจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นหันมาถือตราสารหนี้ระยะยาวเป็นจำนวนมาก โดยต้นปี 2556 ข่าวการปรับลดขนาดของ QE และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ นั้นได้ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในช่วงต้นปีอย่างรวดเร็วจนทำให้เงินบาทแข็งค่าและการไหลออกในช่วงหลังของปี เราพบว่ามีเงินทุนไหลออกสุทธิจากตลาดตราสารหนี้กว่า 924 ล้านบาท" นายนิวัฒน์ กล่าว
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการออกตราสารหนี้ระยะยาวของภาคเอกชน หรือ หุ้นกู้ ในปี 2557 นั้นจะอยู่ที่ 400,000-420,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีหุ้นกู้จำนวน 240,000 ล้านที่จะทยอยครบกำหนดไถ่ถอนและคาดว่าส่วนใหญ่จะทำการรีไฟแนนซ์ ประกอบกับมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารพาณิชย์อีกจำนวน 65,000 ล้านบาทที่สามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้และคาดว่าส่วนใหญ่จะทำการไถ่ถอนก่อนกำหนด นอกจากนี้ดอกเบี้ยในประเทศมีโอกาสที่จะอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่อีกประมาณ 100,000-120,000 ล้านบาททั้งหมดนี้ทำให้ตัวเลขประมาณการณ์หุ้นกู้ออกใหม่ตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 400,000-420,000 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมการออกหุ้นกู้ในปี 2556 นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 418,458 ล้าน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณการออกตราสารหนี้ในปี 2555 ที่ 509,373 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมากจาการที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เคยเป็นผู้ออกหุ้นกู้ปริมาณมากในปี 2555 ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิสำหรับเงินกองทุนตามเกณฑ์ Basel ถึง 180,000 ล้านบาท
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงถัดไปคาดว่าตลาดยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด โดยปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อบรรยกาศการลงทุนในช่วงถัดไปยังคงเป็นเรื่องของกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะมีโอกาสไหลออกตามการลดขนาดของ QE ในสหรัฐฯ
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้นยังเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทิศทางของดอกเบี้ยภายในประเทศ และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นที่จะต้องจับตามอง
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะมีการประชุมในวันนี้(22 ม.ค.) เราประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ทั้งนี้แนวโน้มผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะนั้นมีแนวโน้มที่จะลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยในประเทศที่มีอาจมีความจำเป็นต้องใช้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวนั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเงินทุนต่างชาติที่มีโอกาสไหลออกตามขนาดของ QE ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องในปีนี้
"ในส่วนของการลดมาตรการ QE ของเฟดในปีนี้นั้น เราประเมินว่าจะมีเม็ดเงินขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากมาตรการลดขนาดของ QE ประมาณ 1 แสนล้าน โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 ยอดการถือครองของตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ 707,902 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในปีที่ผ่านมานั้นมีการสลับจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นหันมาถือตราสารหนี้ระยะยาวเป็นจำนวนมาก โดยต้นปี 2556 ข่าวการปรับลดขนาดของ QE และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ นั้นได้ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในช่วงต้นปีอย่างรวดเร็วจนทำให้เงินบาทแข็งค่าและการไหลออกในช่วงหลังของปี เราพบว่ามีเงินทุนไหลออกสุทธิจากตลาดตราสารหนี้กว่า 924 ล้านบาท" นายนิวัฒน์ กล่าว
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการออกตราสารหนี้ระยะยาวของภาคเอกชน หรือ หุ้นกู้ ในปี 2557 นั้นจะอยู่ที่ 400,000-420,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีหุ้นกู้จำนวน 240,000 ล้านที่จะทยอยครบกำหนดไถ่ถอนและคาดว่าส่วนใหญ่จะทำการรีไฟแนนซ์ ประกอบกับมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารพาณิชย์อีกจำนวน 65,000 ล้านบาทที่สามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้และคาดว่าส่วนใหญ่จะทำการไถ่ถอนก่อนกำหนด นอกจากนี้ดอกเบี้ยในประเทศมีโอกาสที่จะอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่อีกประมาณ 100,000-120,000 ล้านบาททั้งหมดนี้ทำให้ตัวเลขประมาณการณ์หุ้นกู้ออกใหม่ตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 400,000-420,000 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมการออกหุ้นกู้ในปี 2556 นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 418,458 ล้าน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณการออกตราสารหนี้ในปี 2555 ที่ 509,373 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมากจาการที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เคยเป็นผู้ออกหุ้นกู้ปริมาณมากในปี 2555 ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิสำหรับเงินกองทุนตามเกณฑ์ Basel ถึง 180,000 ล้านบาท