“ซีอีโอ” ตลาดบอนด์มองผลกระทบสหรัฐฯ ถอน “คิวอี” ส่งผลให้สภาพคล่องในประเทศไทยลดลง ขณะที่ ศก. ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการขยายตัวของ ศก. ในปีหน้า ชี้อัตรา ดบ.โลก อยู่ในช่วงขาขึ้น กดดันต้นทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ พร้อมกังวล 3 ปัจจัยลบ สภาพคล่องในประเทศที่ตึงตัว ความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ และการชะลอตัวของ ศก.ไทย ทำให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดบอนด์น้อยลง
นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ จะถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี) ในปีหน้า จะทำให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกจากไทยเหมือนช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องในประเทศไทยลดลง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า
นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยของตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น จะเป็นต้นทุนสำคัญของการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการน้ำ ดังนั้น ไทยจะต้องเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจโลกจะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้น้อยลง และจะหวังให้การส่งออกสนับสนุนเศรษฐกิจไทยก็คงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา แม้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และเศรษฐกิจต่างประเทศฟื้นตัวมากขึ้น แต่การส่งออกก็ไม่ได้ขยายตัวตาม เพราะมีปัญหาเชิงลึกในเรื่องของความสามารถในการแข่งขันที่เน้นราคามากกว่าคุณภาพสินค้า
ทั้งนี้ ยอมรับว่าสภาพคล่องในประเทศที่ตึงตัว ความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในปีหน้า แม้ว่าปีนี้นักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทย เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี