นักวิเคราะห์ประเมิน “เฟด” ประกาศลดระดับ “คิวอี” เดือนละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ม.ค.57 เป็นไปตามที่ตลาดได้คาดไว้ ราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวไปแล้ว พร้อมมองว่าจะส่งผลดีต่อส่งออกไทยฟื้นตัว
นักวิเคราะห์กล่าวถึงกรณีธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดขนาดมาตรการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 (QE) ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว ถือว่าส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทยให้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งราคาหุ้นก็ได้สะท้อนข่าวนี้ไปหมดแล้ว จึงเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับตัวขึ้นแรงมากนัก
ทั้งนี้ เฟดได้เปิดแถลงข่าวเมื่อคืนวันพุธที่ 18 ธ.ค.56 (ตามเวลาประเทศไทย) ระบุว่า เฟดจะเริ่มต้นลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ลงเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนหน้า (ม.ค.57) หลังพบเห็นการฟื้นตัวในเศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน แต่ก็ยังอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเพื่อหนุนการฟื้นตัวต่อไป ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นการสิ้นสุดวิกฤตการณ์ชัตดาวน์ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรง
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ระบุในถ้อยแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายเป็นเวลา 2 วัน เมื่อคืนวันพุธที่ 18 ธ.ค.56 (ตามเวลาประเทศไทย) โดยระบุว่า เฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนเหลือเดือนละ 75,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 เป็นต้นไป ลดลงจากการเข้าซื้อเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ในความพยายามกดให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดต่ำลงเพื่อกระตุ้นการเติบโต และการจ้างงาน
โดยวานนี้ FOMC ลงมติในการประชุมวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 เสียง เห็นพ้องให้ปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ตามมาตรการ QE โดยปรับลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เฟดระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS ในวงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ลดลงจากเดิมที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
โดยเฟดได้ปรับลดอัตราการซื้อตราสารหนี้ลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาวะตลาดแรงงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นใกล้ระดับ 0% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้อัตราการว่างงานจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ขณะเดียวกัน ได้ส่งสัญญาณการปรับลดมาตรการ QE ต่อไป โดยระบุว่า ทางคณะกรรมการมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราการซื้อตราสารหนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในการประชุมครั้งต่อๆ ไป หากตัวเลขเศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงานในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยยอมรับว่าอัตราการว่างงานได้ลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ในช่วง 6.3-6.6% ภายในสิ้นปี 2557 จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 6.4-6.8%
ขณะนี้เจ้าหน้าที่เฟด 3 รายคาดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปี 2559 จากเดิมที่มีเจ้าหน้าที่คาดการณ์เช่นนี้เพียง 2 ราย ในการประชุมเดือน ก.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟด 12 รายยังคงคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปี 2558