บลจ.กรุงไทยแนะจับตามาตรการลดทอน QE อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนในช่วงสั้นๆ พร้อมแนะนักลงทุนหาจังหวะช้อนหุ้นไทยทยอยเก็บของดีราคาถูก หลังแรงเทขายนักลงทุนต่างชาติในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในตราสารทุนเริ่มมีความกังวลในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ อาจมีการพิจารณาลดทอนคิวอี (QE Tapering) ส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนในระยะสั้น ส่วนพอร์ตการลงทุนระยะยาวอาจจะทยอยลงทุนเมื่อตลาดมีการปรับตัวลดลงจากความกังวลปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ระดับดัชนีตั้งแต่ 1,350 จุดลงมา เนื่องจากมีหุ้นหลายตัวเริ่มมีระดับราคาที่น่าสนใจภายหลังการเทขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน RMF /LTF ประเภทตราสารทุนก็สามารถหาจังหวะในการลงทุนได้ภายในไม่เกินวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น อายุ 1 เดือน ถึง 1 ปี มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงแคบๆ อยู่ระหว่าง 1 ถึง 2 bps โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทน มาอยู่ที่ระดับ 2.28-2.37% ส่วนพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 3 เดือน มีผลประมูลล่าสุดอยู่ที่ 2.32-2.34% ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.33% ด้านแนวโน้มค่าเงินบาท อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งตราสารเป้าหมายที่กองทุนลงทุนจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 100 (KTSUPB100) ในวันที่ 12-17 ธันวาคม 2556 อายุ 3 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China , เงินฝาก Standard Chartered Bank ( Hong Kong ), เงินฝากประจำ Akbank T.A.S., MTN ออกโดย Garanti Bank และ MTN ออกโดย ICBC Asia Ltd. ในสัดส่วน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน / บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 3 (KTSUPB3M3) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทเงินฝาก / ตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต ธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วน 40% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี