บลจ. เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ ระยะยสั้น ชูผลตอบแทนสูง เป็นทางเลือกลงทุนช่วงตลาดผันผวน
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาร่างงบประมาณและเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แม้ว่าจะสามารถคลี่คลายลงไปได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากมองในระยะสั้นเป็นเพียงการซื้อเวลาออกไป ทั้งนี้งบประมาณประจำปี 2557 ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจนกระทั่งถึงวันที่ 15 มกราคม 2557 และปัญหาเพดานหนี้ที่ขยายออกไปถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลต่อมุมมองการปรับลดขนาดเม็ดเงินที่จะใช้ในมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่แต่เดิมคาดว่าจะเริ่มทยอยลดลงในปีนี้ และคาดว่าอาจต้องเลื่อนออกไปเป็นอย่างน้อยในไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปีหน้า โดย บลจ.กสิกรไทย เชื่อว่า Fed คงจะไม่รีบตัดสินใจผลีผลามดำเนินมาตรการที่จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจในขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลต่อความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในตลาดโดยภาพรวมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย บลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำให้คอยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หรือสามารถเลือกกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ซึ่งมีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก และให้โอกาสรับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2556 บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีเจ (KFI3MDJ) ประมาณการอัตราผลตอบแทน 2.75% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอโอ (KFF6MAO) ให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซีอี (KFF1YCE) ให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่ยังคงมีความผันผวน พร้อมทั้งต้องการพักเงินเพื่อรอดูความชัดเจนด้านทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะเข้าลงทุนต่อไป
โดยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีเจ (KFI3MDJ) จะเข้าลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง เงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A, A, A+ และ BBB+ ตามลำดับ รวมถึงตราสารหนี้ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ AA- และ A+ ตามลำดับ ด้านตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เอโอ (KFF6MAO)จะเข้าลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง เงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB-
ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซีอี (KFF1YCE) จะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า เงินฝาก Union National Bank, ประเทศ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A., และตราสารหนี้ Banco do Brasil S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกัความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการ ลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงเวลาเดียวกัน
บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีอี (KPPTF3MDE) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.50% ต่อปี
ด้าน บลจ. ธนชาต จำกัด จะทำการเปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M42 (TFI6M42) ระะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากของ Bank of China / First Gulf Bank ประมณ 22% ลงทุนในเงินฝากของ Abu Dhabi Commercial Bank / Union National Bank ประมณ 20% ลงทุนในห้นกู้ระยะสั้นของ ธ.กียรตินาคิน / ธ.ทิสโก ประมาณ 24% ลงุนในตั๋วแลกเงินของ จ.ลีสซิ่ง ไอซีบีซี (ไทย) / หุ้นกู้ระยะสั้นอง บมจ.อยุธยา แคปปิตล ออโต้ ลีส ประมาณ 24% และลงทุนในตั๋วแลกเงิน ที่ออกโดย มจ.ราชธานีลิสซิ่ง/ บจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง ประมาณ 10% อายุปรมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนรมของตราสารประมาณ 3.2310% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2310% ต่อปี กองทุนจะป้อกันความเสี่ยงอัตราลกเปลี่ยนเต็มจำนวนำหรับมูลค่าตราสารหี้ต่างประเทศที่กองุนลงทุน โดยกองทุนจะเสนอขายครั้งเดียววันที่ 29 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2556
ส่วนอีกกองทุนคือ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/1 (TGOV3M1) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน และสามารลงทุนได้ต่อเนื่องปะมาณ 3 เดือนต่อรอบ ผลอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 80.50% แะลงทุนในตั๋วแลกเงิ / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / เงินฝากประจำ ธ.ออสิน ประมาณ 19.50% อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนรวมขงตราสารประมาณ 2.6588% ต่อปี ประมาณกาค่าใช้จ่ายกองทุนปรมาณ 0.1588% ต่อป รับคำสั่งซื้อ–ขาย วันที่ 4 - 11 พฤศจิกายน 2556