“”ศุภาลัย” เผยแผนลงทุนปี 57 เปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ล้านบาท เตรียมงบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ปีหน้านำระบบพรีแฟบสร้างทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น หวังแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน ล่าสุด เปิดขาย “ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น” 1,731 ยูนิต มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2557 ว่า มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และคอนโดฯ 24 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตประมาณ 10% โดยเตรียมงบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอีก 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำการก่อสร้างสำเร็จรูป (พรีแฟบ) มาใช้ในโครงการทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นหลัก โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วขึ้นประมาณ 3 เดือน ส่วนด้านต้นทุนการใช้พรีแฟบแพงกว่าการก่อสร้างแบบเดิม 13% โดยการเซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ผลิต ประมาณ 1,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการใช้พรีแฟบกับการก่อสร้างแบบเดิมของโครงการทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นเป็น 50 : 50 ในปีหน้า และคาดว่าจะขยายสัดส่วนการใช้พรีแฟบเป็น 100% ในปี 2558
นายอธิป กล่าวถึงการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศค.) ของปีนี้ลดลงอยู่ที่ 3% ว่า สะท้อนให้เห็นว่ามีผลต่อกำลังซื้อ เนื่องจากตัวเลขจีดีพีมาจากตัวเลขด้านการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนของเอกชน และการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งหากการทำธุรกรรมด้านต่างๆ ลดลง กำลังซื้อของผู้บริโภคก็จะได้รับผลกระทบ
ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องทำธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นไปได้ ไม่ตั้งเป้าที่เกินความเป็นจริง ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายจากเดิมที่ตั้งไว้ 24,000 ล้านบาท ลดลงเหลือ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากการที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และกำหนดการเปิดโครงการใหม่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากอุปสรรคในการเข้าปรับพื้นที่โครงการที่ล่าช้า ส่วนรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 13,500 ล้านบาท
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ติดถนนประชาชื่น พื้นที่ 12 ไร่ จำนวน 1,731 ยูนิต ขนาด 31.5-120 ตร.ม. เริ่มต้น 1.7 ล้านบาท หรือประมาณ 53,500 บาทต่อ ตร.ม. มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30% เริ่มก่อสร้างกลางปี 2557 แล้วเสร็จปี 2560
ทั้งนี้ ทำเลย่าน ถ.ประชาชื่น และบริเวณใกล้เคียงมีซัปพลายสร้างเสร็จรวม 4-5 โครงการ จำนวน 4,000-5,000 ยูนิต เหลือขายเพียง 10% หรือประมาณ 80 ยูนิต และคาดว่ากำลังจะมียูนิตเปิดใหม่เพิ่มเติมอีก 2,000-3,000 ยูนิต โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 60,000-90,000 บาทต่อ ตร.ม.
นายอธิป กล่าวถึงงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 29 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คนมาเดินในงานลดลง เนื่องจากเป็นการจัดแบบเดี่ยวๆ ไม่มีงานอื่นจัดพร้อมกัน แต่ยอดขายในงานไม่ได้ลดลง สะท้อนว่าคนที่มาเดินชมในงานเป็นคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง ไม่ใช่คนที่มาเดินแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย โดยบริษัทสามารถทำยอดขายในงานตามที่ตั้งเป้า 100 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 5-10% โดยปัจจัยเสี่ยงยังเป็นเรื่องปัญหาการแรงงานที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงต้นทุนด้านการก่อสร้างที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งด้านค่าแรง วัสดุก่อสร้าง และค่าที่ดิน โดยผู้รับเหมาได้ขอขึ้นราคาประมาณ 10% ส่งผลต่อราคาขายบ้านที่จะปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาบ้านจัดสรรขึ้น 4-6% ส่วนคอนโดมิเนียมประมาณ 10% นอกจากนี้ ยังมีปัญหาความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของสถาบันการเงิน