“กิตติรัตน์” โวไทยมีพื้นฐานที่ดี เศรษฐกิจยังเข้มแข็ง ไม่ถดถอยตามที่คาดการณ์กัน ระบุเงินบาทอ่อนค่าส่งผลดีต่อการส่งออก ยันเดินหน้าลงทุนโครงการพื้นฐาน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ชี้แจงผ่านรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” หลังสำนักข่าวบีบีซีรายงานเศรษฐกิจประเทศไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าน่าจะมาจากการดูตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนปี 2556 นำไปเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งออกมาเป็นลบ และเป็นตัวเลขประกอบ เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวประจำปีประกอบกับไทยหยุดรับก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่ากว่าสัปดาห์ และเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต้องชะลอการผลิต จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ได้ แต่ขณะนี้เงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการส่งออกให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จึงส่งสัญญาณว่าประเทศไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่อย่างใด
ส่วนไตรมาส 3 ของปี 2556 ไทยยังมีโอกาสขยายตัวได้จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสิ่งสำคัญคือ การใช้จ่ายภาครัฐ ที่ต้องเดินหน้าให้ได้ต่อเนื่อง ตลอดจนความมั่นใจต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะต้องพยายามเดินหน้ากลไกที่มีอยู่อย่างจริงจัง ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน
“อยากให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และสร้างบรรยากาศที่ดีร่วมกัน ยืนยันว่า ไทยมีพื้นฐานที่ดี ทั้งการกระจายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราการว่างงาน ที่สำคัญคือ ประเทศไทยต้องเดินหน้าในโครงการลงทุนที่สำคัญของประเทศ และอยากบอกว่าจะมองประเทศไทย ขอให้มองยาวๆ อย่ามองเป็นสถานการณ์ระยะสั้นเท่านั้น”
สำหรับปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ไทยยังเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก จึงได้รับผลกระทบจากต่างประเทศด้วย แต่ไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดี เช่น มีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูงมาก ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ ยังมีฐานะที่แข็งแกร่งเพียงพอจะดูแลสถานการณ์พลังงานได้ดี สิ่งที่ประเทศต้องการคือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะกลายเป็นศักยภาพของประเทศ ในสายตาของต่างชาติ ไทยยังคงได้รับความสนใจ ดูได้จากการขอรับส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่วนประเทศเพื่อนบ้าน ก็คาดหวังให้ไทยเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมโยงตลาดอาเซียนเข้าด้วยกัน และในแง่ตลาดทุน แม้ว่าจะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำ ส่วนการไหลออกของเงินทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าไม่เป็นผลกระทบมากนัก เพราะที่ผ่านมาเงินต่างชาติอาจถือได้ว่าเข้ามามากเกินความเหมาะสม ประกอบกับเงินสำรองของไทยยังถือว่าสูงมาก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจอยู่ระหว่างการปรับสมดุล โดยปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้นมาจากการบริโภคในประเทศ หลังจากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มคุณภาพบุคลากร การพัฒนาต่อยอดสินค้า