“กิตติรัตน์” ยอมรับการเมืองกระทบเศรษฐกิจไทย และกระทบความเชื่อมั่นทุกฝ่าย แนะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ชี้ความพยายามที่จะให้เกิดการอภัยทานอย่างครบถ้วน ได้กลายเป็นประเด็นใหม่ที่นำไปสู่ความไม่พร้อมที่จะให้อภัย ดังนั้น เมื่อทุกฝ่ายไม่พร้อมก็ต้องคิดใหม่ และเดินหน้าต่อไปเพื่อประโยชน์ของประเทศในระยะสั้น และระยะยาว พร้อมเชื่อปีหน้าเศรษฐกิจโตใกล้เคียง 5%
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2556 โดยระบุว่า ไตรมาสที่ 4 ของปีปฏิทินตรงกับช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2557 จึงเป็นช่วงสำคัญของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่จะมีงบเหลื่อมปีงบประมาณ และงบประมาณใหม่ปี 2557 เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ แบ่งเป็นงบเหลื่อมปี 146,000 ล้านบาท และจากงบประมาณใหม่ปี 2557 ที่มียอดรวม 2.525 ล้านล้านบาท ซึ่งมีความพร้อมจะจ่ายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกเกือบ 600,000 ล้านบาท ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้อิงกับการใช้จ่ายภาครัฐ อีกส่วนเป็นอานิสงส์จากสิ้นฤดูฝน บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น ซึ่งหากช่วงปลายปีนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นเช่นเดียวกับช่วงต้นปี ก็จะช่วยเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
ด้านการลงทุน การใช้จ่ายภาคเอกชนยังดูเป็นปกติ แต่ที่ยังต้องพบกับภาวะยากลำบากต่อไป คือ ภาคส่งออก ที่แม้บางช่วงตัวเลขติดลบ จากการรวมยอดนำเข้าทองคำเอาไว้ด้วย ซึ่งปกติแล้วทองคำถูกมองเสมือนเป็นเงินตราชนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นสินค้า ดังนั้น หากไม่นับรวมยอดนำเข้าทองคำ ยอดการส่งออกไทยจึงยังคงเป็นบวกเล็กน้อย
นายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า ในปีงบประมาณ 2556 ส่วนราชการมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ แม้หลายส่วนราชการสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย 100% แต่บางส่วนราชการยังคงล่าช้าเพราะปัจจัยอื่นๆ เช่น กรมทางหลวง มีปัญหาเรื่องการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ดังนั้น จึงกำชับให้ทุกส่วนราชการให้การของบประมาณปี 2557 กับงบประมาณปี 2558 โครงการที่จะขอควรพิจารณาให้มีความพร้อมมากที่สุด
สำหรับการใช้จ่ายลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 350,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม มูลค่า 2 ล้านล้านบาท กระทรวงการคลัง ยังคงติดตามต่อเนื่อง โดยโครงการบริหารจัดการน้ำขณะนี้มีความคืบหน้าในด้านการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปมากแล้ว จึงสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท กระทรวงคมนาคม และกรมศุลกากร ได้เตรียมความพร้อมเพื่อที่จะให้เอกชนเข้ามาร่วมได้ เช่น โครงการก่อสร้างด่านศุลกากร 41 แห่งของกรมศุลกากร ขณะนี้เกือบ 30 แห่งมีความพร้อม หากกฎหมายผ่านสามารถดำเนินการได้เลย ส่วนที่เหลืออีกกว่า 10 แห่ง ก็ใช้เวลาช่วงนี้ดำเนินการให้เกิดข้อสรุปให้ได้มากที่สุด ส่วนโครงการขยายทางหลวงจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร เกือบทุกสายทางมีความพร้อม ขณะที่รถไฟทางคู่เส้นทางเดิม ส่วนใหญ่สามารถเดินหน้าต่อไป ยกเว้นเส้นทางใหม่ สายเชียงใหม่ ไป อ.เชียงของ จ.เชียงราย ยังต้องดำเนินการต่อไป
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ส่วนราชการต่างๆ ได้จัดทำประมาณการไว้ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ส่วนปี 2557 ขณะนี้หลายภาคส่วนยังคงมองในแง่ดีว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตใกล้เคียง 5%
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขณะนี้ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะให้เกิดการอภัยทานอย่างครบถ้วน กลายเป็นประเด็นใหม่ที่นำไปสู่ความไม่พร้อมที่จะให้อภัย ดังนั้น เมื่อทุกฝ่ายไม่พร้อมก็ต้องคิดใหม่ และเดินหน้าต่อไปเพื่อประโยชน์ของประเทศในระยะสั้น และระยะยาว