xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กพฤกษา “คาดอสังหาฯ ปี 57” โต 5% ระวังปัญหาการเมือง-เงินตึงตัวปัจจัยลบตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
“บิ๊กพฤกษา” คาดอสังหาฯ ปีหน้า โตแค่ 5% เหตุปัจจัยลบปัญหาเงินตรึงตัว-การเมือง แนะทุกฝ่ายปรับตัวรับมือ เผยแผนลงทุนปี 57 เปิด 50 โครงการใหม่ ค่า 5 หมื่นล้าน เผยผลประกอบการ 9 เดือนกำไร 3,539 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 10 เดือน ทะลุ 36,927 ล้านบาท ประกาศปรับเป้าขายเป็น 39,000-41,000 ล้านบาท ส่วนเป้ารายได้เพิ่มเป็น 36,000-37,000 ล้านบาท

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 5% อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่ทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค สถาบันการเงิน ควรปรับตัวพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก 2 เรื่องหลัก คือ ปัญหาเงินตึงตัว ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ โดยปัญหาภายนอกประเทศที่สำคัญคือ คาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกา จะยกเลิกมาตรการ QE ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น ต่างชาติจะโยกเงินกลับไปลงทุนในอเมริกา

ส่วนปัญหาในไทยคาดว่าการลงทุนเพิ่มมากขึ้นทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งจะเกิดการระดมเงินในตลาดเงินจำนวนมากจนอาจเกิดปัญหาเงินตึงตัวหนุนให้ดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มสูงขึ้น ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อผู้บริโภคทำให้กู้เงินได้น้อยลง ซื้อบ้านได้หลังเล็กลง

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาด้านการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ประสบปัญหาการเมืองรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง จนหลายคนเกิดความเคยชิน และสามารถปรับตัวได้ ส่วนการเมืองในช่วงนี้ยังถือว่าเร็วเกินไปจะสรุปได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯ

“สำหรับพฤกษา ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยเฉพาะในเรื่องของยอดขาย นอกจากนี้ นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันได้สร้างยอดขายไปมากแล้วถึง 95% ของเป้าหมายทั้งปี จึงไม่มีความกังวลเท่าใดนัก"

ส่วนแนวโน้มราคาบ้าน เชื่อว่าภาพรวมทั้งตลาดน่าจะมีการปรับขึ้น 5-6% ตามต้นทุนที่คาดว่าจะขึ้น 5-6% เช่นกันตามราคาที่ดินที่ปรับขึ้นไปสูงมาก รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้าง สำหรับพฤกษาจะพยายามรักษาระดับต้นทุนการดำเนินงานเอาไว้ เพื่อที่จะให้ปรับขึ้นราคาบ้านให้น้อยที่สุด คือประมาณ 3-4%

สำหรับการลงทุนสร้างโรงงานพรีคลาสอีก 2 โรง มูลค่าการลงทุน 2,200 ล้านบาท ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น หากคำนวณจากบ้านเดี่ยว 150 ตร.ม. จะเพิ่มเป็น 1,100 หลังต่อเดือน จากเดิม 620 หลังต่อเดือน โดยจะเริ่มเดินกำลังการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3/57 และจะทำให้สามารถลดการผลิตแบบทันเนิลฟอร์ม (Tunnel form) เป็นระบบพรีแคสมากขึ้นสำหรับทาวน์เฮาส์ โดยระบบดังกล่าวจะทำให้งานก่อสร้างมีคุณภาพมากขึ้น

นายทองมา กล่าวต่อว่า สำหรับข้อเสนอของผู้ชุมนุมต้องการให้ทำอารยะขัดขืน ด้วยการหยุดงาน งดจ่ายภาษี นั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า หากพนักงานองค์กรต่างๆ จะหยุดงานถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่สำหรับพฤกษาซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากนับรวมกับการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง แรงงาน ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จะคิดเป็น 1% ของจีดีพีประเทศ ดังนั้น จึงต้องมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องไม่สามารถที่จะหยุดการทำงานได้ ส่วนการงดจ่ายภาษีบริษัทถือเป็นหน้าที่ต้องจ่ายเพราะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2557 บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่ 50 โครงการ มูลค่า 50,000 ล้านบาท โดยเน้นโครงการแนวราบทั้งทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวเป็นหลัก และจะมีการขยายตลาดต่างจังหวัดที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เช่น ภูเก็ต ชลบุรี อยุธยา ขอนแก่น และเชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ยังเน้นตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากมองว่าตลาดต่างจังหวัดความต้องการคอนโดมิเนียมมีจำกัด

นายทองมา กล่าวว่า ที่ผ่านมาลูกค้าได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการกู้ซื้อบ้าน อย่างไรก็ตาม อัตราการกู้ไม่ผ่านของบริษัททรงตัวอยู่ในอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 22-23% ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทประกันวินาศภัยของไทย 2 บริษัท เพื่อให้ค้ำประกันผู้ขอสินเชื่อรายย่อย ซึ่งคาดว่าจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ซื้อบ้านได้เพิ่มขึ้น

ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษาฯ เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 9 เดือน ว่า เติบโตเพิ่มขึ้น โดยมียอดขายสูงถึง 33,767 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 33,554 ล้านบาท และต่างประเทศ 213 ล้านบาท สำหรับในเดือนตุลาคม มียอดขาย 3,160 ล้านบาท จึงทำให้ 10 เดือน มียอดขายรวม 36,927 ล้านบาท ในขณะที่เป้าหมายยอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 35,426 ล้านบาท

จากการเติบโตของยอดขายดังกล่าว ทำให้บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายจาก 35,426 ล้านบาท เป็น 39,000-41,000 ล้านบาท เป้ารายได้ปรับจาก 33,971 ล้านบาท เป็น 36,000-37,000 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานของบริษัทใน 10 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 36,927 ล้านบาท และรับรู้รายได้รวม 25,108 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,539 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) อีก 44,024 ล้านบาท ทั้งนี้ ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเปิดโครงการเพิ่มอีกประมาณ 10-15 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น