xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นบวก 29 จุด ไม่สนเพื่อนบ้าน บาทอ่อนล่อ ตปท.ขายต่อ BANPU พุ่ง 18 บ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยบวก 29 จุด พอร์ตแรงซื้อไหลเข้ากลุ่มสื่อสาร-แบงก์ พบพอร์ตโบรกฯ-สถาบันเข้าช้อน หลังบาทยังอ่อนในระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ กดดันต่างชาติขายฟันกำไร 2 เด้งต่อ ด้าน “บ้านปู” พุ่ง 18 บาท ขานรับราคาถ่านหิน และดีมานด์จากจีน-อินเดีย โดยรวมหุ้นไทยขึ้นตามตลาดใหญ่ในเอเชีย สวนทางเพื่อนบ้าน มาเลย์ ฟิลิปปินส์ อินโดฯ ร่วงหนัก โบรกฯ เชื่อผ่านจุดต่ำสุด แต่ต้องจับตาสถานการณ์ซีเรีย และ QE3 ประเมินวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) อาจขึ้นต่อในกรอบจำกัด

    ตลาดหุ้นไทยวันแรกของเดือนกันยายน (2 ก.ย.) เคลื่อนไหวในทิศทางบวก จากก่อนหน้าช่วงเดือนสิงหาคมปรับตัวอยู่ในแดนลบเป็นหลัก โดยปิดที่ระดับ 1,323.70 จุด ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของวัน เพราะเพิ่มขึ้น 29.40 จุด หรือ 2.27% มูลค่าการซื้อขาย 34,212.63 ล้านบาท

    โดยหลักทรัพย์มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ INTUCH ปิดที่ 79.25 บาท  เพิ่มขึ้น 3.25 บาท TRUE ปิดที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท ADVANC ปิดที่ 249.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท KTB ปิดที่ 17.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท KBANK ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท นอกจากนี้ พบว่า BANPU ปิดที่ 294.00 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า เป็นผลจากที่มองกันว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นตัวขึ้น โดยล่าสุด ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีความต้องการจากจีน และอินเดียเพิ่มขึ้นด้วย

    อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายวันนี้พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในหุ้นไทยอีก 1,409.89 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนทั่วไปร่วมขายสุทธิ 323.54 ล้านบาท และผู้ซื้อสุทธิคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อ 935.69 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 797.74 ล้านบาท

    นอกจากนี้ พบว่าการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยเป็นการบวกในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในภูมิภาค แต่สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม TIP และมาเลเซียที่ปรับตัวลดลง โดยดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 184.06 จุด ปิดที่ 13,572.92 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 22,175.34 จุด เพิ่มขึ้น 443.97 จุด

    ขณะที่ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดที่ 1,717.56 จุด ลดลง 10.02 จุด ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดที่ 6,061.80 จุด ลดลง 13.37 จุด ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดที่ 4,101.233 จุด ลดลง 93.856 จุด  และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดวันนี้ที่ 4,101.23 จุด ลดลง 93.86 จุด -2.24%

    น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้วิ่งอยู่ในแดนบวก หลังจากปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดยุโรปก็ปรับตัวขึ้น เป็นผลจากข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ออกมาดี  เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลไปได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่ยังต้องรอดูความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซีเรีย ที่จะต้องรอดูผลการประชุมของสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ เรื่อง QE3 ที่ต้องรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย. รวมถึงปัจจัยในประเทศที่จะต้องจับตาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท

 “ดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ ทำให้ภาพตลาดฯ ดูดีขึ้น แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) คาดว่า ดัชนีคงจะรีบาวนด์ในกรอบ Down Trend พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด แนวต้าน 1,340 จุด”

    นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยว่าเป็นการเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก หลังตัวเลข PMI ของจีนมีการพลิกฟื้นขึ้นมาดี ยกเว้นตลาดอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่อยู่ในแดนลบ แม้แต่ตลาดในยุโรปก็อยู่ในแดนบวกเฉลี่ยราว 1% โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพียงแต่ว่าการพลิกฟื้นจะออกมาในรูปแบบไหน อีกทั้งหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหลายตัวราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าราคาพื้นฐาน บางตัวต่ำมากถึง 40-50% ทำให้เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับมาเลือกซื้อลงทุนมากขึ้น

บาทยังอ่อนในระดับ 32 บาท/ดอลลาร์

    ด้านนักบริหารเงินกล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 32.06/08 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า (2 ก.ย.) ที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.14/16 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับยังมีแรงขายดอลลาร์ในตลาด ทำให้คาดว่าวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) น่าจะยังมีแรงขายดอลลาร์สหรัฐออกมาอีก โดยเงินบาทนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.20 บาท/ดอลลาร์
       
 
กำลังโหลดความคิดเห็น