ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นร่วงทั้งภูมิภาค หวั่นสหรัฐฯบุกซีเรีย กระตุ้นแรงขายต่างชาติหอบเงินออก หลังก่อนหน้าโดนวิกฤตชะลอQE ทุบร่วงมาต่อเนื่อง ทำหุ้นไทยวานนี้(27ส.ค.) ปิดลบ 35.21 จุด หนำซ้ำ “โกลแมนแซค”ชี้บาทไทยมีสิทธิ์อ่อนแตะ33 บาท/ดอลลาร์ ยิ่งเร่งแรงขายเพื่อฟันกำไรค่าบาท กดดันค่าเงินกลับมาอ่อนแตะ32บาท/ดอลลาร์อีกรอบ โบรกฯคาดอาจเห็นแรงรีบาวนด์บ้าง แต่แรงขายยังไม่หมด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27ส.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณคลี่คลายไปในทางทีดีได้ โดยตลอดทั้งวันปรับตัวอยู่ในแดนลบ และลดลงอย่างหนักในช่วง 2 ชั่วโมงของการซื้อขายรอบบ่าย จนเป็นผลให้ดัชนีหลุดฐานสำคัญที่ระดับ 1,300 จุด มาปิดที่ระดับ 1,293.97 จุด ลดลง 35.21 จุด หรือ -2.65% มูลค่าการซื้อขาย 37,687.84 ล้านบาท ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ พบว่ายังอ่อนค้าอยู่ในระดับ 32.17 บาท และมีข่าวในตลาดเงินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจเข้ามาแทรกแซงค่าเงืนไม่ให้อ่อนค้าลงไปมากกว่านี้
นักวิเคราะห์ฯให้เหตุผลต่อการลดลงแรงของดัชนีหุ้นวานนี้ ว่า เป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก รับกระแสเงินทุนไหลออกไปทางฝั่งตะวันตกเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อนรู้ผลประชุมธนาคารการสหรัฐฯ(เฟด) ต่อมาตรการQE3 และปัจจัยในประเทศที่ภาพรวมเศรษฐกิจอ่อนตัวลง จากตัวเลขการส่งออกที่ลดลง ซึ่งช่วยย้ำถึงสัญญาณเศรษฐกิจไทยไม่สามารถเป็นไปได้ตามเป้าของรัฐบาล จากก่อนหน้านี้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับลดเป้าจีดีพี
ต่างชาติขายหมื่นล. -รายย่อยซื้อ1.8หมื่นล.
โดยรวมดัชนีเคลื่อนไหวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,322.72 จุด และต่ำสุดที่ 1,290.27 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อ 9,139.12 ล้านบาท ขาย 10,029.13 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 890.01 ล้านบาท สถาบัน ซื้อ 3,237.12 ล้านบาท ขาย 4,251.15 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 1,014.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อ 6,618.16 ล้านบาท ขาย6,520.15 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 98.01 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อ 18,693.44 ล้านบาท ขาย 16,887.42 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 1,806.03 ล้านบาท
ผวาสหรัฐฯบุกซีเรียซ้ำเติมวิตกQE
ส่วนตลาดอื่นๆในภูมิภาค พบว่า ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 130.55 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 21,874.77 จุด จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย โดยนักลงทุนไม่มั่นใจว่าสหรัฐอเมริกาจะใช้กำลังทหารจัดการหรือไม่ ด้านดัชนีคอมโพสิต หุ้นจาการ์ตา ปิดที่ระดับ 3,967.84 จุด ปรับลดลง -152.83 จุด หรือ -3.71% ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิตปิดที่ระดับ 1,701.24 จุด ปรับลดลง -21.25 จุด หรือ -1.23% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ร่วงหนักสุดในภูมิภาคเอเชีย จากกรณีมีกลุ่มผู้ประท้วงเรื่องงบประมาณของรัฐบาล ปิดที่ระดับ 5,916.99 จุด ปรับลดลง -244.22 จุด หรือ -3.96% ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 17,968.08 จุด ลดลง -590.05 จุด หรือ -3.18% และดัชนีนิกเกอิปิดลบ 93.91 จุด หรือ 0.69% แตะที่ 13,542.37 จุด เพราะได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของตลาดหุ้นในเอเชีย และความวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งในซีเรีย
บาทกลับมาอ่อนค่าแตะ32บาท/ดอลลาร์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ได้ปรับตัวลงมาอ่อนค่าอีกครั้ง หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันก่อนหน้า จากความกังวลต่อกรณีการก่อเหตุรุนแรงในซีเรีย ขณะที่ตัวเลขดุลการค้าของไทยทีประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 32.18 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี และคาดว่าวันนี้(28ส.ค.)เงินบาทจะยังอ่อนค่าลงอีก เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนเข้ามา โดยน่าจะทดสอบที่ระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์
เงินออกตลาดเกิดใหม่2.2พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ดัชนี MSCI Emerging Markets ร่วง 0.9% โดยนักลงทุนต่างประเทศได้ดึงเงินออกจากตลาดหุ้นอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปินส์แล้วถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ จากความกังวลต่อมาตรการQE3 และสถานการณ์ในซีเรีย
‘โกลแมนแซค’ซ้ำคาดบาทอ่อนแตะ33บาท
นอกจากนี้มีรายงานว่า โกลแมนแซคได้คาดการณ์ค่าเงินบาทจะอ่อนลงมาแถว 33 บาท/ดอลลาร์ฯในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เงินจะไหลออกสูงจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง
“แม้ตลาดฯจะปรับตัวลงมามากแล้ว แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานถือว่ายังไม่ถูกมาก เพราะตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมา 100% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ในซีเรียเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อราคาน้ำมัน”นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็น
คาดแรงขายมีต่อแต่อาจเห็นรีบาวนด์
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดหุ้นตลอดยังคงปรับตัวลดลงแรง หลังมีปัจจัยลบเข้ามากดดันตลาดรอบด้าน ทั้งแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกในตลาดประเทศเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยลบในประเทศ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ส่งผลให้จีดีพีปรับตัวลดลง รวมทั้งปัจจัยด้านการเมืองที่เริ่มกลับมาร้อนแรง ทำให้วันนี้(28ส.ค.) คาดว่ายังมีแรงกดดันจากแรงขายต่างชาติต่อเนื่อง แต่ดัชนีอาจปรับตัวรีบาวน์ได้บ้าง เนื่องจากดัชนีปรับตัวลดลงแรง โดยให้กรอบดัชนีไว้ที่ 1,250 - 1,300 จุด ซึ่งรอดูเรื่อง QE ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ด้วย ซึ่งในระยะ 2 สัปดาห์นี้ ตลาดฯก็มีโอกาสถูกขายชอร์ตต่อไปอีก
นายธนเดช รังษีธนานนท์ กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(28 ส.ค.)อาจจะมีการรีบาวน์ได้ในระยะสั้นในทางเทคนิค หลังจากที่ปรับตัวลงแรง และให้ติดตามดูตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามมองว่าจะยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมให้แนวรับที่ 1,250 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27ส.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณคลี่คลายไปในทางทีดีได้ โดยตลอดทั้งวันปรับตัวอยู่ในแดนลบ และลดลงอย่างหนักในช่วง 2 ชั่วโมงของการซื้อขายรอบบ่าย จนเป็นผลให้ดัชนีหลุดฐานสำคัญที่ระดับ 1,300 จุด มาปิดที่ระดับ 1,293.97 จุด ลดลง 35.21 จุด หรือ -2.65% มูลค่าการซื้อขาย 37,687.84 ล้านบาท ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน ระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ พบว่ายังอ่อนค้าอยู่ในระดับ 32.17 บาท และมีข่าวในตลาดเงินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจเข้ามาแทรกแซงค่าเงืนไม่ให้อ่อนค้าลงไปมากกว่านี้
นักวิเคราะห์ฯให้เหตุผลต่อการลดลงแรงของดัชนีหุ้นวานนี้ ว่า เป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก รับกระแสเงินทุนไหลออกไปทางฝั่งตะวันตกเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อนรู้ผลประชุมธนาคารการสหรัฐฯ(เฟด) ต่อมาตรการQE3 และปัจจัยในประเทศที่ภาพรวมเศรษฐกิจอ่อนตัวลง จากตัวเลขการส่งออกที่ลดลง ซึ่งช่วยย้ำถึงสัญญาณเศรษฐกิจไทยไม่สามารถเป็นไปได้ตามเป้าของรัฐบาล จากก่อนหน้านี้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับลดเป้าจีดีพี
ต่างชาติขายหมื่นล. -รายย่อยซื้อ1.8หมื่นล.
โดยรวมดัชนีเคลื่อนไหวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,322.72 จุด และต่ำสุดที่ 1,290.27 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อ 9,139.12 ล้านบาท ขาย 10,029.13 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 890.01 ล้านบาท สถาบัน ซื้อ 3,237.12 ล้านบาท ขาย 4,251.15 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 1,014.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อ 6,618.16 ล้านบาท ขาย6,520.15 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 98.01 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อ 18,693.44 ล้านบาท ขาย 16,887.42 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 1,806.03 ล้านบาท
ผวาสหรัฐฯบุกซีเรียซ้ำเติมวิตกQE
ส่วนตลาดอื่นๆในภูมิภาค พบว่า ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 130.55 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 21,874.77 จุด จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย โดยนักลงทุนไม่มั่นใจว่าสหรัฐอเมริกาจะใช้กำลังทหารจัดการหรือไม่ ด้านดัชนีคอมโพสิต หุ้นจาการ์ตา ปิดที่ระดับ 3,967.84 จุด ปรับลดลง -152.83 จุด หรือ -3.71% ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิตปิดที่ระดับ 1,701.24 จุด ปรับลดลง -21.25 จุด หรือ -1.23% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ร่วงหนักสุดในภูมิภาคเอเชีย จากกรณีมีกลุ่มผู้ประท้วงเรื่องงบประมาณของรัฐบาล ปิดที่ระดับ 5,916.99 จุด ปรับลดลง -244.22 จุด หรือ -3.96% ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 17,968.08 จุด ลดลง -590.05 จุด หรือ -3.18% และดัชนีนิกเกอิปิดลบ 93.91 จุด หรือ 0.69% แตะที่ 13,542.37 จุด เพราะได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของตลาดหุ้นในเอเชีย และความวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งในซีเรีย
บาทกลับมาอ่อนค่าแตะ32บาท/ดอลลาร์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ได้ปรับตัวลงมาอ่อนค่าอีกครั้ง หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันก่อนหน้า จากความกังวลต่อกรณีการก่อเหตุรุนแรงในซีเรีย ขณะที่ตัวเลขดุลการค้าของไทยทีประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 32.18 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี และคาดว่าวันนี้(28ส.ค.)เงินบาทจะยังอ่อนค่าลงอีก เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนเข้ามา โดยน่าจะทดสอบที่ระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์
เงินออกตลาดเกิดใหม่2.2พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ดัชนี MSCI Emerging Markets ร่วง 0.9% โดยนักลงทุนต่างประเทศได้ดึงเงินออกจากตลาดหุ้นอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปินส์แล้วถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ จากความกังวลต่อมาตรการQE3 และสถานการณ์ในซีเรีย
‘โกลแมนแซค’ซ้ำคาดบาทอ่อนแตะ33บาท
นอกจากนี้มีรายงานว่า โกลแมนแซคได้คาดการณ์ค่าเงินบาทจะอ่อนลงมาแถว 33 บาท/ดอลลาร์ฯในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เงินจะไหลออกสูงจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง
“แม้ตลาดฯจะปรับตัวลงมามากแล้ว แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานถือว่ายังไม่ถูกมาก เพราะตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมา 100% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ในซีเรียเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อราคาน้ำมัน”นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็น
คาดแรงขายมีต่อแต่อาจเห็นรีบาวนด์
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดหุ้นตลอดยังคงปรับตัวลดลงแรง หลังมีปัจจัยลบเข้ามากดดันตลาดรอบด้าน ทั้งแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกในตลาดประเทศเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยลบในประเทศ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ส่งผลให้จีดีพีปรับตัวลดลง รวมทั้งปัจจัยด้านการเมืองที่เริ่มกลับมาร้อนแรง ทำให้วันนี้(28ส.ค.) คาดว่ายังมีแรงกดดันจากแรงขายต่างชาติต่อเนื่อง แต่ดัชนีอาจปรับตัวรีบาวน์ได้บ้าง เนื่องจากดัชนีปรับตัวลดลงแรง โดยให้กรอบดัชนีไว้ที่ 1,250 - 1,300 จุด ซึ่งรอดูเรื่อง QE ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ด้วย ซึ่งในระยะ 2 สัปดาห์นี้ ตลาดฯก็มีโอกาสถูกขายชอร์ตต่อไปอีก
นายธนเดช รังษีธนานนท์ กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(28 ส.ค.)อาจจะมีการรีบาวน์ได้ในระยะสั้นในทางเทคนิค หลังจากที่ปรับตัวลงแรง และให้ติดตามดูตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามมองว่าจะยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมให้แนวรับที่ 1,250 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด