วี.เอ็ม.พี.ซี. เชื่อตลาดอสังหาฯ กลาง-บนโตต่อเนื่อง ชี้โครงข่ายระบบขนส่งคมนาคม ปัจจัยผลักดันให้เกิดชุมชนใหม่ มั่นใจใน 1-2 ปีจากนี้ โอกาสทองผู้ประกอบการอสังหาฯ เชื่อถึงเวลาโครงการแนวราบ ส่วนโครงการแนวสูงย่านชานเมืองอาจจะเติบโตชะลอตัว หลังจากภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ยัน “ฟองสบู่” ไม่เกิดหากผู้ประกอบการ และภาคการเงินเดินตามกติกา
นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตดี โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์การเติบโตเชิงลึกพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะการเติบโตในส่วนของคอนโดมิเนียมในระดับราคา 800,000-2,000,000 บาท เริ่มมียอดขายที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน ทั้งนี้ น่าจะเกิดจากที่ผู้บริโภคได้นำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ที่เร่งด่วนกว่า เช่น การผ่อนรถยนต์ การเพิ่มค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเนื่องจากการปรับตัวของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค แม้จะได้รับการปรับขึ้นค่าแรงก็ตาม ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางธนาคารเองก็ชะลอการปล่อยสินเชื่อรายย่อยให้ให้ผู่ที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เหตุเพราะเกรงภาวะฟองสบู่
“วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการ และสถาบันการเงินต่างๆ ระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ และวางกรอบกำหนดเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถประมาทได้ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคใน ปัจจุบันเปลี่ยนไป เนื่องจากในอดีตเราเชื่อว่าปัจจัย 4 ซึ่งประกอบด้วย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต แต่ปัจจุบันสังคมเปลี่ยน เพราะคนในปัจจุบันอยู่ในยุควัตถุนิยม ซึ่งก่อให้เกิดปัจจัยที่ต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จนบางครัวเรือนแทบไม่มีเงินสำรองแถมยังต้องเป็นหนี้ทั้งใน และนอกระบบด้วย ซึ่งภาระในปัจจัยเพิ่มเติมดังกล่าว จะมาเบียดบังงบสำหรับใช้จ่ายในส่วนปัจจัย 4 ไป จึงปฏิเสธผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ตัวเลขยอดจองคอนโดฯ ระดับล่างเริ่มชะลอตัว และควรจับตามองตลาดกลุ่มนี้ว่าจะมีทิศทาง อย่างไรนับจากนี้” นายปริญญา เธียรวรกล่าว
หากผู้ประกอบการมีวินัยทางการเงิน และแบบแผนที่รัดกุมจะนำไปสู่การสร้างสมดุล สถานการณ์ที่บีบรัดจะทำให้ในตลาดเหลือเฉพาะผู้ประกอบการมืออาชีพ ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาโครงการคุณภาพให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมากขึ้น ประกอบกับนโยบายการขยายโครงข่ายระบบคมนาคมจะทำให้เกิดชุมชนใหม่ๆ ซึ่งจะผลักดันธุรกิจอสังหาฯ ให้โต่ต่อเนื่อง
นายปริญญา กล่าวว่า สำหรับ วี.เอ็ม.พี.ซี. เน้นสร้างโครงการแนวราบที่จับกลุ่มระดับบน เนื่องจากเศรษฐกิจความผันผวนทางเศรษฐกิจมีผลต่อลูกค้ากลุ่มดังกล่าวน้อย ทำให้กลุ่มตลาดดังกล่าวยังคงสร้างยอดขายได้ดี อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องไม่หยุดนิ่งกับที่ โดยจะต้องคิดสร้างสรรค์โครงการให้ตรงใจผู้ซื้อในกลุ่มดังกล่าว ที่มีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง คุ้มราคา และที่สำคัญต้องอยู่ในทำเลที่มีอนาคต
ทั้งนี้ วี.เอ็ม.พี.ซี. มีแผนจะพัฒนาโครงการในย่านพระราม 2 อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นย่านที่มีการพัฒนาด้านผังเมือง และระบบคมนาคมที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ทำให้ตลาดย่านพระราม 2 มีทิศทางเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 1 เท่าตัว เป็นผลมาจากผังเมืองใหม่ที่ปรับสีผังเมือง จากสีเหลือง-ส้ม เป็นส้ม ทำให้สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ทำเลพระราม 2 ยังเป็นย่านที่ บริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ และผู้ประกอบการท้องถิ่นต่างพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ในระดับไฮเอนด์ ราคา 15-50 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดแนวสูงมีคอนโดฯ ใหม่ๆ เกิดขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยปัจจัยที่ทำให้ย่านพระราม 2 มีการเจริญเติบโตในทิศทางที่ดีนั้น เพราะ พระราม 2 เป็นจุดกึ่งกลางของการเดินทางเข้าสู่ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการขยาย และเพิ่มความสะดวกสบายของระบบสาธารณูปโภคด้านคมนาคมก็เป็นอีกหนึ่งพลังผลักดันการเติบโต ทั้งโครงการทางด่วนเพิ่มเติมส่วนขยาย ต่อจากดาวคะนอง มุ่งหน้าวงแหวน โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านบริเวณแยกสุขสวัสดิ์ ตัดพระราม 2 และยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สวนสาธารณะ และระบบขนส่งมวลชนล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้พระราม 2 เติบโตขึ้นอย่างน่าจับตา
โดยปลายปีนี้ บริษัทฯ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในชื่อ “แอสเทรา ไพรด์ สุขสวัสดิ์” บ้านหรูขนาด 4 ชั้น จำนวน 47 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาท บนพื้นที่ 12 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างบ้านเพื่อให้แล้วเสร็จก่อนขาย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับโครงการแอสเทรา เรสซิเดนซ์ พระราม 2-พุทธบูชา บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น โครงการแรกย่านพระราม 2
