เคแลนด์ฯ เชื่อตลาดแนวราบระดับกลาง-บนขยายตัวต่อเนื่อง แม้มีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจชะลอตัวกดดัน ระบุกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูงผลกระทบเศรษฐกิจต่อการตัดสินใจซื้อน้อย ต่างกับลูกค้าตลาดล่างที่ไวต่อปัจจัยที่เข้ามากระทบ เผยราคาที่ดินพุ่ง ความนิยมคอนโดฯ การขยายโครงการแนวรถไฟฟ้า บีบบ้านแนวราบใกล้เมืองทำราคายาก หากไม่มีที่ดินสะสม เคแลนด์ แจงล่าสุด เปิดขายเฟสต่อเนื่องเดอะ แกรนด์ ประชาอุทิศ 79 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท พร้อมเผยแผนครึ่งปีหลังเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ ย่านปิ่นเกล่า-อุดมสุข คาด Q4 พรีเซล เปิดขายทางการไตรมาสแรกปี 57 มั่นใจทั้งปีรายได้ 5,000 ล้านบาท เป้าหลัง 6 เดือนแรกฟันยอดขาย 2,000 ล้าน
นายชวินธร คุณากรปรมัตถ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือเคแลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบระดับกลาง-บนในปัจจุบันยังมีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องแม้ว่า จะมีปัจจัยลบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจเข้ามากระทบ เนื่องจากลุ่มลูกค้าตลาดกลาง-บนนั้นเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย ต่างจากกลุ่มลูกค้าตลาดล่าง ซึ่งมีความไวต่อปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ซึ่งอาจจะทำให้มีการชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์ หรือปัจจัยที่เข้ามากระทบก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการใหม่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบในขณะนี้ คือ การปรับตัวของราคาที่ดินที่ปรับตัวสูง โดยเฉพาะในทำเลใกล้เมือง ซึ่งได้รับผลจากความนิยมของโครงการคอนโดมิเนียม และการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ทำการจัดหาที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ยากกว่าในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ไม่มีที่ดินสะสม
“จะสังเกตได้ว่า โครงการเกิดใหม่ส่วนใหญ่จะขยับห่างจากเมืองออกไปมากขึ้น เพราะต้องทำราคาขายให้เหมาะกับกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งในส่วนของเคแลนด์ นั้น โชคดีที่มีการซื้อที่ดินสะสมไว้รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ดังนั้น ในแต่ละทำเลที่เคแลนด์มีการพัฒนาโครงการใหม่จึงสามารถทำราคาขายได้ดีกว่าคู่แข่งในพื้นที่”
นายชวินธร กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดพรีเลโครงการใหม่ 2 โครงการประกอบด้วย โครงการ เดอะแกรนด์อุดมสุข ซึ่งมีพื้นที่พัฒนาโครงการ 70-80 ไร่ โดยมีแผนจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคาเริ่มต้น 11-18 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ อีกหนึ่งโครงการที่จะเปิดใหม่คือ โครงการเดอะแกรนด์ปิ่นเกล้า ซึ่งมีพื้นที่ 200 ไร่ โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคาเริ่มต้น 15-40 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดขายเฟสต่อเนื่องในโครงการเดอะแกรนด์ประชาอุทิศ ซึ่งเป็นบ้านเดียวกลุ่มพื้นที่ 100 ตารางวา ในเฟสที่ 2 มีพื้นที่ 31 ไร่ ระดับราคาเริ่มต้น 8-12 ล้านบาท จำนวน 79 ยูนิต มูลค่ารวม 600 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้ว 10-15 ยูนิต ส่วนเฟสแรกของเดอะแกรนด์ ประชาอุทิศ เป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวพื้นที่เริ่มต้น 50-149.5 ตารางวา ระดับราคาเริ่มต้น 4.7-12 ล้านบาท จำนวน 204 ยูนิต โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80-90%
“สำหรับโครงการเดอะแกรนด์ประชาอุทิศ มีจุดเด่นที่ตั้งของทำเล และราคาขายซึ่งสามารถทำได้ดีกว่าคู่แข่งในพื้นที่เพราะเป็นที่ดินสะสมไม่ใช่ที่ดินที่ซื้อเข้ามาใหม่ ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันทำเลย่านประชาอุทิศเริ่มมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก และรวดเร็ว เพราะมีถนนวงแหวนด้านใต้เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ถนนพระราม 3 และถนนสาทร”
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 นี้ บริษัทสามารถสร้างยอดขาย และยอดรับรู้ได้แล้ว 2,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายและยอดรับรู้รายได้รวมทั้งปี 5,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการเดอะแกรนด์ประชาอุทิศ เฟสแรก 300 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากโครงการเดอะแกรนด์พระราม 2 ประมาณ 700 ล้านบาทเศษ ส่วนที่เหลือมาจากโครงการเดอะพราโน และโครงการเดิมที่เปิดขายอยู่
“โครงการเดอะแกรนด์ประชาอุทิศ สามารถสร้างยอดขายได้เฉลี่ยปีละ 700-800 ล้านบาท ขณะที่โครงการเดอะแกรนด์พระราม 2 สร้างยอดขายต่อปีประมาณ 1,200 ล้านบาท”