แสนสิริเร่งเครื่องโครงการแนวราบ ลุยไตรมาส 3 เปิดตัวรวด 5 โครงการ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ รับดีมานด์กรุงเทพฯ ย่านบางนา-พระราม 2 มูลค่ารวม 6,680 ล้านบาท รับความต้องการลูกค้าในทุกเซกเมนต์
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ภาพรวมการพัฒนาโครงการแนวราบของกลุ่มบริษัทแสนสิริ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายโครงการแนวราบตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายไตรมาส 3 ขณะนี้มียอดรวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 9,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% จากเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบที่ตั้งไว้ทั้งปี 16,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/2556 นี้ บริษัทเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมทุกความต้องการ บนทำเลศักยภาพสูงทั้งในย่านบางนา และพระราม 2 เพื่อเติมเต็มความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกเซกเมนต์ และระดับราคา โดยบริษัทได้เปิดตัว 5 โครงการแนวราบ ใหม่ ได้แก่ นาราสิริ พระราม 2-เศรษฐสิริ อ่อนนุช ศรีนครินทร์, ฮาบิเทีย ชายน์ ท่าข้าม พระราม 2, ฮาบิทาวน์ เนสท์ ท่าข้าม พระราม 2 และแบรนด์บ้านเดี่ยวล่าสุด คณาสิริ บางนา มูลค่ารวมประมาณ 6,680 ล้านบาท หลังจากล่าสุด บริษัท ประสบความสำเร็จจากการปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์บุราสิริ อ่อนนุช บางนา มูลค่าโครงการขาย 1,300 ล้านบาท
“เชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ย่านบางนา และพระราม 2 จะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากความนิยมของทำเลซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพทั้งเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบาย รวมทั้งแหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ดังนั้น บริษัทจึงได้นำทั้ง 5 แบรนด์ที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบของแสนสิริได้แก่ นาราสิริ-เศรษฐสิริ-ฮาบิเทีย-ฮาบิทาวน์ และคณาสิริ มาต่อยอดพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างครอบคลุม "
สำหรับรายละเอียดของทั้ง 5 โครงการแนวราบใหม่ ได้แก่ โครงการนาราสิริ พระราม 2 มูลค่าโครงการประมาณ 1,600 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 4 แบบ ในขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 115-323 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยขนาดตั้งแต่ 321-523 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถ 4 คัน จำนวนทั้งสิ้นเพียง 57 ยูนิต บนพื้นที่โครงการกว่า 34 ไร่ ราคาเริ่มต้น 23 ล้านบาท มีจุดเด่นของโครงการที่ติดถนนใหญ่ของถนนพระราม 2 โดยจัดงาน Pre-visit ในวันที่ 28-29 กันยายนนี้ ภายใต้ชื่องาน “Luxury in details”
โครงการเศรษฐสิริ อ่อนนุช ศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,680 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 168 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการรวม 49 ไร่ ของถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ประกอบด้วยแบบบ้านให้เลือกถึง 5 แบบ ได้แก่ แบบบ้าน INNIKA ขนาดเริ่มต้น 52.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 165 ตารางเมตร, แบบบ้าน INNIZIA ขนาดเริ่มต้น 54.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 194 ตารางเมตร, แบบบ้าน INTORE ขนาดเริ่มต้น 63.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 244 ตารางเมตร แบบบ้าน INZARE ขนาด 72.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 284 ตารางเมตร และแบบบ้าน INVATIO ขนาด 84.9 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 315 ตารางเมตร เริ่มต้นที่ 6.99 ล้านบาท
โครงการฮาบิเทีย ชายน์ ท่าข้าม พระราม 2 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท มีจำนวนทั้งสิ้น 217 ยูนิต บนพื้นที่โครงการรวม 37 ไร่ ของถนนกาญจนภิเษก (วงแหวนใต้) ราคาเปิดตัวเริ่ม 4.19 ล้านบาท สำหรับบ้านพร้อมอยู่ จ่ายเพียง 20,000 บาท พิเศษช่วงกันยายนนี้ เปิด Pre-sale โครงการใหม่ รับโปรโมชันรับเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องปรับอากาศ
โครงการฮาบิทาวน์ เนสท์ ท่าข้าม พระราม 2 ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท จำนวนที่พักอาศัยทั้งสิ้น 331 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 27 ไร่ ของถนนเลียบวงแหวนด้านใต้ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน เริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท
และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ล่าสุด ซึ่งเปิดตัวเป็นโครงการที่ 2 ในปีนี้ ได้แก่ คณาสิริ บางนา มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 401 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการรวม 86 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Barcode” (รหัสความสุข) ราคาเริ่มต้นที่ 3.19 ล้านบาท ปัจจุบัน เปิดให้เข้าชมบ้านตัวอย่างแล้ว พร้อมจะเปิด Pre-sale ในช่วงเดือนตุลาคมนี้
“ปัจจุบัน บริษัทได้วางกลยุทธ์เกี่ยวกับการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ไว้รองรับความต้องการในเกือบทุกระดับราคาแล้ว โดยแบ่งเป็นแบรนด์นาราสิริ ที่มีระดับราคา 15-100 ล้านบาท แบรนด์เศรษฐสิริ ที่มีระดับราคา 6-20 ล้าน กลุ่มแบรนด์บุราสิริ ที่มีระดับราคา 5-10 ล้านบาท แบรนด์สราญสิริระดับราคา 4-8 ล้านบาท แบรนด์ฮาบิเทีย ระดับราคา 3.5-8 ล้านบาท และแบรนด์บ้านเดี่ยวล่าสุด คณาสิริ ในระดับราคา 3 ล้านบาท ที่บริษัทมีการเปิดตัวใหม่ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ทาวน์ อเวนิว ภายใต้ระดับราคา 4-6 ล้านบาท และแบรนด์ฮาบิทาวน์ ซึ่งตอบรับความต้องการในระดับราคา 2-3 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาแบรนด์โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทำเลอื่นๆ รอบกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมของที่ดินในทำเลนั้นๆ ต่อไป” นายเมธากล่าว
