“พลัส พร็อพเพอร์ตี้” เผยผลวิจัยคอนโดฯ ครึ่งปีทะลัก 75,161 ยูนิต อยู่ระหว่างรอขาย 35,079 ยูนิต ชี้ผู้บริโภคนิยมซื้อห้องชุดหรูปล่อยเช่า พบในตลาดมีถึง 6,100 ยูนิต ญี่ปุ่นตลาดหลักนิยมห้องขนาด 40-50 ตร.ม. ทำเล BTS สุขุมวิทตอนต้น-พระโขนง
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดเผยถึงผลการวิจัยล่าสุดของคอนโดมิเนียมแนว BTS และMRT โต ซึ่งดันตลาดเช่าญี่ปุ่นครองแชมป์ตลาดเช่าไทย โดยกระแสความร้อนแรงของตลาดคอนโดมิเนียมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการที่ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน (เอ็มอาร์ที) ที่มีสถานีรวมกันกว่า 50 สถานี และคาดว่าจะมีสถานีที่เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 100 สถานีในอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำให้โครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ มุ่งเป้าการพัฒนาโครงการใหม่ไปที่บริเวณแนวรถไฟฟ้า
ปัจจุบันพบว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) 2556 มีจำนวนคอนโดมิเนียมในตลาดรวมทั้งสิ้น 75,161 ยูนิต โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ จำนวน 40,082 ยูนิต และคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างรอการขาย 35,079 ยูนิต ทั้งนี้ หากแยกพิจารณาเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ติดแนวรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิท (นานา-เอกมัย) รัศมีประมาณ 500 เมตรจากสถานีนั้น ล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2556 มีปริมาณอยู่ที่ 3,111 ยูนิต โดยมียอดขายไปแล้วกว่า 1,523 ยูนิต หรือคิดเป็นประมาณ 49% ในปัจจุบันทำเลที่ตั้งของโครงการคอนโดมิเนียมที่ติดแนวรถไฟฟ้า นับเป็นปัจจัยที่สำคัญในอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ รวมถึงการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อคอนโดมิเนียมเช่นเดียวกัน
หากพิจารณาถึงกลุ่มผู้เช่าหลักโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม พบว่า ผู้เช่าชาวญี่ปุ่นยังครองแชมป์สูงสุด โดยโซนรถไฟฟ้า หรือกลุ่มพื้นที่หลักที่ชาวญี่ปุ่นสนใจเช่าห้องชุดคือ บริเวณสุขุมวิทตอนต้น หรือสถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิทเรื่อยไปจนถึงสถานีพระโขนง ซึ่งในอนาคตพื้นที่เหล่านี้จะยังคงได้รับความนิยมเช่นเดิม เนื่องจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นมักอาศัยอยู่รวมกันแบบชุมชนเพราะรู้สึกอุ่นใจเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ ในย่านดังกล่าวยังตอบโจทย์กลุ่มแม่บ้านชาวญี่ปุ่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร โรงพยาบาล และการคมนาคมที่สะดวกสบาย ซึ่งคาดว่าจะยังคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่พักอาศัยได้โดยง่าย
“ทั้งนี้ พฤติกรรมของกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่นยังไม่นิยมห้องที่มีขนาดใหญ่มากในกรณีที่อาศัยเพียงคนเดียว ห้องพักพื้นที่ 40-50 ตารางเมตรก็เพียงพอต่อความต้องการ แต่ในกรณีที่พักอาศัยเป็นครอบครัว หรือกลุ่มที่มีงบประมาณในการเช่าสูง มักจะเลือกเช่าห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันอาจพบชาวญี่ปุ่นที่เช่าห้องชุดในพื้นที่สาทร พหลโยธิน รัชดาภิเษก และพระราม 3 อยู่บ้าง แต่ยังไม่สูงเท่าในสุขุมวิท” นายอนุกูล กล่าว
อนึ่ง จากการสำรวจอัตราห้องชุดปล่อยเช่าในตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ เดือนมิถุนายน 2556 นี้ พบว่า มีจำนวนห้องชุดให้เช่ามากกว่า 6,100 ยูนิต (ในจำนวนนี้เป็นห้องชุดของแสนสิริ และบริษัทในเครือประมาณ 1,200 ยูนิต) อัตราห้องชุดปล่อยเช่าโดยรวมเติบโตสูงขึ้นจากปี 2555 ถึง 12% และเมื่อพิจารณาเฉพาะโครงการของแสนสิริ และบริษัทในเครือ พบว่า มีอัตราห้องชุดปล่อยเช่าเติบโตสูงถึง 34% ซึ่งแสดงว่าคอนโดมิเนียมปล่อยเช่ายังคงมีความต้องการจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้เช่าอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ด้วยความหลากหลายของโครงการ และบริษัทตัวแทนเช่า (Broker) ทำให้ผู้เช่ามีโอกาสเพิ่มทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ศักยภาพความพร้อม และความน่าเชื่อถือ Broker ที่เป็นตัวแทนเช่า และบริษัทการบริหารจัดการโครงการยังคงนับเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้เช่าทุกชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เช่าจะต้องเลือกบริษัทที่สามารถสื่อสารได้สะดวก และสามารถวางใจได้ในฐานะที่ปรึกษา รวมถึงคุณภาพของการบริหารโครงการที่ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสะดวกสบายในการพักอาศัย รวมถึงมูลค่าของโครงการนั้นๆ เพราะหากจะลงทุนในเรื่องปล่อยเช่าห้องชุดในระยะยาวแล้วผู้ลงทุนไม่ควรมองข้ามปัจจัยดังกล่าว