xs
xsm
sm
md
lg

SSI ขาดทุน 473 ล.เหตุวันหยุดยาวเหล็กชะลอตั้งสำรองมูลค่าสินค้าคงเหลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สหวิริยาสตีลฯ” ไตรมาส 2 ปีนี้ขาดทุน 473 ล้านบาท เหตุวันหยุดเทศกาลยาว และตลาดเหล็กชะลอตัว แถมตั้งสำรองค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือเพื่อรองรับการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ แม้ยอดขายผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่ม

นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI แจ้งผลงานไตรมาส2 ปีนี้ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และการให้บริการ 8,705 ล้านบาท ลดลง 44% จากงวดก่อนหน้า และ 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขาย 407 พันตัน ลดลง 42% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 197 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 473 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นผลจากวันหยุดเทศกาล-ตลาดเหล็กชะลอตัวในไตรมาส 2 แม้ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ 38% ขณะที่ธุรกิจโรงถลุงเหล็กปรับตัวดีขึ้น ผลผลิตเพิ่ม 14% ขายเหล็กแท่งแบนนอกกลุ่ม 169 พันตัน เริ่มใช้งาน PCI ที่โรงถลุงเหล็ก ต้นทุนพลังงานลด ผลผลิตสูงขึ้น ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ราคาเหล็กเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีในครึ่งปีหลัง

ขณะที่งบการเงินรวมบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และให้บริการรวม 12,542 ล้านบาท ลดลง 37% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากขายเหล็กรวม 576 พันตัน ประกอบด้วย เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 407 พันตัน และเหล็กแท่งแบนที่ขายลูกค้าภายนอก 169 พันตัน โดยมีต้นทุนขายและให้บริการรวม 13,468 ล้านบาท จากต้นทุนผลิตของธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มี EBITDA ติดลบ 887 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 465 ล้านบาท

นายวิน กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ SSI ประสบกับความผันผวนระดับมหภาคตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส ทั้งจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การเติบโตของจีนชะลอตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงินบาทที่ถดถอย  ทั้งนี้ ในช่วงราคาเหล็กขาลง ตลาดก็เข้าสู่ช่วงระบายสินค้าคงเหลือในระบบ (destocking phase) ประกอบกับผลกระทบจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลเดือนเมษายน ทำให้ปริมาณขายของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนลดลง 42% นอกจากนั้น บริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือเพื่อรองรับการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือดังกล่าวแล้ว ในขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จผลิตได้เพิ่มสูงขึ้น 14% และมีความพร้อมที่จะไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ในช่วงครึ่งปีหลัง

“สำหรับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กไตรมาส 2/2556 ที่ผ่านมานั้นนับเป็นจุดต่ำสุดของปี ปัจจุบันเรามองเห็นเศรษฐกิจโลกระดับมหภาคมีเสถียรภาพมากขึ้น และราคาเหล็กมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีซึ่งจะทำให้เห็นปริมาณการขายกลับไปสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ การเริ่มใช้งานเทคโนโลยี PCI เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 จะทำให้ธุรกิจโรงถลุงเหล็กจะมีผลผลิตที่สูงขึ้น ต้นทุนลดลงจากอัตราการใช้ถ่านหิน PCI ที่จะสูงขึ้นเป็นลำดับในหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง โดยที่เรายังเดินหน้าดำเนินกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งจากการเชื่อมโยงธุรกิจแบบครบวงจร และสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้าต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น