รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เผชิญหน้ากล่าวหาประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนกันตรงๆ ในเรื่องแดนมังกรจารกรรมข่าวสารข้อมูลของแดนอินทรีผ่านทางไซเบอร์สเปซ ระหว่างการประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการที่รีสอร์ตหรูกลางทะเลทรายมลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นวันที่สองเมื่อวันเสาร์ (8 มิ.ย.) แต่ทั้งคู่สามารถมีความเห็นพ้องต้องกันในประเด็นเรื่องการเหนี่ยวรั้งยับยั้งเกาหลีเหนือ
ผู้นำทั้งสองยังได้อภิปรายแลกเปลี่ยนทัศนะกันถึงวิธีการจัดการกับการเติบโตของจีนซึ่งกำลังผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลก ภายหลังเวลาผ่านไปกว่า 40 ปีนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐฯ เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเดินทางไปเยือนจีนคอมมิวนิสต์ภายใต้การปกครองของประธานเหมา เจ๋อตง ในปี 1972 ซึ่งเป็นการปิดฉากช่วงเวลาหลายสิบปีแห่งการเป็นศัตรูชนิดแปลกแยกกันอย่างรุนแรงระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
ในขณะที่กล่าวเปิดเผยต่อสาธารณชน โอบามาเน้นถึงความปรารถนาของสหรัฐฯ ที่จะเห็น “การก้าวผงาดขึ้นมาอย่างสันติ” ของจีน แต่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าในระหว่างการหารือเป็นการส่วนตัวคราวนี้ เขาได้พูดตรงๆ ถึงเรื่องที่สหรัฐฯ ระบุว่าจีนมีพฤติการณ์เป็นนักโจรกรรมทางไซเบอร์ โดยที่มีการหยิบยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงบางตัวอย่างขึ้นมาบอกกล่าวยืนยันกับสีด้วย
พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันกำลังเตือนภัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการจารกรรมสืบเสาะความลับผ่านทางไซเบอร์โดยมีต้นทางที่มาจากแดนมังกร และโอบามาก็กำลังตกอยู่ใต้แรงกดดันให้ต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้ในท่ามกลางบรรยากาศการโต้เถียงกันอย่างหนักภายในอเมริกาเองเกี่ยวกับขนาดขอบเขตของมาตรการที่รัฐบาลสหรัฐฯ สมควรนำมาใช้ในการตรวจตราเฝ้าระวังไซเบอร์สเปซและการติดต่อสื่อสารทางช่องทางต่างๆ ของประชาชน ด้วยวัตถุประสงค์ในการต่อสู้ปราบปรามการก่อการร้ายภายในประเทศ
ข้อความที่โอบามาส่งถึงสีในการประชุมสุดยอดคราวนี้บรรจุไว้ด้วยคำเตือนที่ว่า “หากเรื่องนี้ไม่ได้มีการจัดการแก้ไข หากเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะที่เป็นการโจรกรรมโดยตรงต่อทรัพย์สินของสหรัฐฯ แล้ว เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาลำบากมากๆ ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ (ระหว่างประเทศทั้งสอง)” โธมัส โดนิลอน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังผู้นำทั้งสองเสร็จสิ้นการหารือกันเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันเสาร์
ส่วนทางด้าน หยาง เจี๋ยฉือ มนตรีแห่งชาติ (State Councilor เทียบเท่ากับรองนายกรัฐมนตรี) ของจีน แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ปักกิ่งต้องการความร่วมมือกัน ไม่ใช่ความไม่ลงรอยกันกับวอชิงตันในประเด็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ สีก็ได้กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวพร้อมๆ กับโอบามาเมื่อวันศุกร์ (7) ว่า จีนเองก็ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ ทว่าทั้งสองฝ่ายควรต้องทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำหนทางร่วมในการแก้ไขรับมือกับเรื่องนี้
“ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่ควรที่จะกลายเป็นสาเหตุรากเหง้าของความระแวงสงสัยในกันและกันและความไม่ลงรอยกัน หากแต่มันควรที่จะกลายเป็นจุดแห่งความสดใสจุดใหม่ในความร่วมมือกันของพวกเรา” หยางแถลง
แต่ในขณะที่เรื่องการโจมตีทางไซเบอร์เป็นประเด็นซึ่งทำให้เกิดความบาดหมางกันนั้น ผู้นำทั้งสองพบว่ามีทัศนะที่ต้องตรงกันในเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งจากการที่โสมแดงแถลงถ้อยคำวาจาท้าตีท้าต่อยไม่ได้หยุดหย่อน รวมทั้งยังได้ดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และยิงขีปนาวุธอีกด้วย จึงสร้างความหงุดหงิดผิดหวังให้แก่จีน ผู้เป็นพันธมิตรที่เหลืออยู่เพียงรายเดียวของเกาหลีเหนือ ตลอดจนทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในแถบเอเชีย-แปซิฟิก
คณะเจ้าหน้าที่ของฝ่ายอเมริกันออกจากซัมมิต โอบามา-สีที่รีสอร์ต “ซันนีแลนด์ส” อันหรูหรากว้างขวางกลางทะเลทราย เขตเมืองแรนโช มิราจ ใกล้ๆ เมืองปาล์มสปริง มลรัฐแคลิฟอร์เนีย คราวนี้ โดยมีความเชื่อว่าจีนพร้อมแล้วที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกับสหรัฐฯ ในเรื่องเกาหลีเหนืออย่างชนิดยิ่งกว่าที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีต ทว่าพวกเขาไม่ได้เปิดเผยว่าจะมีการใช้มาตรการรูปธรรมเฉพาะเจาะจงใดบ้าง
โดนิลอนบอกกับผู้สื่อข่าวว่า โอบามา และสี “เห็นพ้องกันว่าเกาหลีเหนือจะต้องดำเนินกระบวนการปลดนิวเคลียร์ ทั้งสองประเทศต่างจะไม่ยอมรับรองว่าเกาหลีเหนือเป็นรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และเราจะทำงานร่วมมือเพื่อเพิ่มความร่วมมือกันและดำเนินการสนทนากันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุซึ่งกระบวนการให้เกาหลีเหนือปลดนิวเคลียร์”
สำหรับหยางกล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวซึ่งจัดแยกต่างหากออกไปว่า สีได้บอกกับโอบามาว่า จีน และสหรัฐฯ “มีจุดยืนและวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน” ในประเด็นปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ