เอเอฟพี - การประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการระหว่างประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีน ที่รีสอร์ตกลางทะเลทรายในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มต้นขึ้นแล้ววานนี้(7) โดยผู้นำสองมหาอำนาจยืนยันจะสานความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ขณะที่ โอบามา ใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ผู้นำจีนจัดการปัญหา “แฮกเกอร์” ที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ล้วงข้อมูลลับจากรัฐบาลทั่วโลก
โอบามา และ สี่ จิ้นผิง เดินทางไปยังรีสอร์ตหรูใกล้เมืองปาล์มสปริง มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อสนทนาในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ซึ่งหวังว่าหากผู้นำทั้งสอง “เคมีเข้ากัน” ก็จะนำไปสู่ความร่วมมือเชิงบวกระหว่างสหรัฐฯกับแดนมังกรในอีกหลายปีข้างหน้า
ในการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่ สี่ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมีนาคม โอบามา แสดงความหวังว่า สหรัฐฯและจีน “จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ ที่คำนึงถึงผลประโยชน์และการเคารพซึ่งกันและกัน”
“สหรัฐฯหวังว่าจีนจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ เพราะเราเชื่อมั่นว่า การที่จีนมีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองนั้น มิใช่เป็นผลประโยชน์ของจีนฝ่ายเดียว แต่ยังดีต่อทุกประเทศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯด้วย” โอบามา กล่าวก่อนงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำจีน
ผู้นำสหรัฐฯไม่รอช้าที่จะเอ่ยถึงประเด็นสำคัญของการพบปะในครั้งนี้ นั่นก็คือการที่กองทัพสหรัฐฯ ตลอดจนความลับทางธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสัญชาติอเมริกัน กำลังตกเป็นเป้าโจมตีของเหล่าแฮกเกอร์จีน
โอบามา แสดงความวิตกเรื่องการจารกรรมข้อมูล ซึ่งผลวิจัยล่าสุดระบุว่า ทำให้สหรัฐฯสูญเม็ดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจปีละหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งยังเรียกร้องให้จัดทำ “ระเบียบร่วม” เพื่อป้องกันการแฮ็กข้อมูล
“ประธานาธิบดี สี่ และผม ต่างตระหนักดีว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโยลีที่เหลือเชื่อ, ปัญหาความมั่นคงไซเบอร์ ตลอดจนกฎระเบียบและแนวทางเพื่อป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล กำลังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ” โอบามา แถลง
“จำเป็นเหลือเกินที่สหรัฐฯและจีน ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 และเป็นมหาอำนาจทางทหารของโลก จะต้องเข้าอกเข้าใจกันอย่างแน่นแฟ้น”
ด้านประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง มีถ้อยแถลงตอบว่า จีนเองก็ปรารถนา “ความร่วมมืออย่างจริงใจ” เพื่อขจัด “ข้อกังขา” ของสหรัฐฯ ที่ว่าด้วยปัญหาความมั่นคงไซเบอร์ พร้อมยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า จีนก็กำลังตกเป็น “เหยื่อสงครามไซเบอร์” เช่นกัน
“รัฐบาลจีนมีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะส่งเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์ และเราเองก็มีความกังวลต่อเรื่องปัญหาความมั่นคงไซเบอร์เช่นกัน” ผู้นำจีนกล่าว พร้อมระบุว่า รายงานที่ปรากฎตามสื่อทั่วโลกในระยะนี้ “อาจทำให้ผู้คนคิดว่า ภัยคุกคามทางไซเบอร์ส่วนใหญ่ล้วนมาจากจีน”
สี่ จิ้นผิง ยังเชื้อเชิญให้ โอบามา เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งบ้าง และเอ่ยคำพูดซึ่งเป็นการสะท้อนแนวคิดหลักของเจ้าบ้านว่า “มหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ยังมีพื้นที่มากพอสำหรับประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างสหรัฐฯและจีน”
สี่ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะเป็นผู้นำสูงสุดในทศวรรษที่จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์ 1 ของโลกแทนที่สหรัฐฯ ยังเอ่ยย้ำสิ่งที่เขาพูดอยู่เป็นประจำว่า ชาติมหาอำนาจทั้งหลายควรมองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในรูปแบบที่แตกต่างออกไปบ้าง
“เราควรคิดอย่างสร้างสรรค์ และลงมือปฏิบัติอย่างกระตือรือร้น เพื่อที่จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจในรูปแบบใหม่ได้”
ลีลาการพูดที่มั่นใจและเป็นธรรมชาติของ สี่ จิ้นผิง แตกต่างอย่างชัดเจนจากความเงียบขรึมและเป็นทางการของอดีตประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ที่เคยสร้างความอึดอัดไม่น้อยแก่ทำเนียบขาวมาแล้ว
สี่ และ โอบามา จะพบกันอีกครั้งในการประชุมกลุ่มประเทตอุตสาหกรรมชั้นนำ จี 20 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพในเดือนกันยายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนซึ่งอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะจัดประชุมซัมมิตอีกครั้ง ก่อนพบกันที่รัสเซีย
โอบามา ยังรับปากจะหารือกับผู้นำจีนเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชน เช่นการที่ปักกิ่งกดขี่ข่มเหงผู้เรียกร้องประชาธิปไตย, กลุ่มศาสนา และชนกลุ่มน้อยในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ส.ส.อเมริกัน และนักเคลื่อนไหวทั่วโลกต่างแสดงความกังวล
“ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า การส่งเสริมสิทธิสากลจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ, ความเจริญรุ่งเรือง และความยุติธรรม” ผู้นำสหรัฐฯกล่าว