xs
xsm
sm
md
lg

กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวหาครั้งแรก จีนเจาะระบบล้วงข้อมูลทางทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารกองทัพปลดแอกประชาชนจีน
เอเจนซีส์ - รายงานประจำปีของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันจันทร์ (6 พ.ค.) กล่าวหาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า จีนกำลังใช้วิธีจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์อย่างกว้างขวาง เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงกองทัพของตนให้ทันสมัย ร้อนถึงกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรต้องออกมาตอบโต้ทันควันว่า วอชิงตันกล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน

ในฉบับล่าสุดของรายงานการประเมินกองทัพจีนประจำปี ซึ่งเพนตากอนจัดทำเสนอต่อรัฐสภาอเมริกันทุกปีนับตั้งแต่ปี 2000 ระบุว่ารอบปีที่ผ่านมาจีนเดินหน้าเจาะระบบคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการพยายามเจาะเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อันอาจทำให้ปักกิ่งมีความรู้ความเข้าใจในเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับการพิจารณากำหรดนโยบายของสหรัฐฯ ตลอดจนสมรรถนะทางทหารของสหรัฐฯ

“จีนกำลังใช้สมรรถนะในด้านการแสวงหาประโยชน์จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network exploitation หรือ CNE) เพื่อสนับสนุนการรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการทูต เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมกลาโหมที่สนับสนุนโครงการกลาโหมแห่งชาติของสหรัฐฯ” รายงานที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ (6) ระบุ

“ในปี 2012 ระบบคอมพิวเตอร์มากมายทั่วโลก ซึ่งรวมถึงระบบของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงตกเป็นเป้าหมายการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบุกรุกบางครั้งเกี่ยวโยงโดยตรงกับรัฐบาลและกองทัพจีน” นี่นับเป็นครั้งแรกที่รายงานประจำปีของเพนตากอนระบุชัดเจนว่า ปักกิ่งมุ่งสอดแนมเครือข่ายกลาโหมของสหรัฐฯ ไม่เพียงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของพวกบริษัทเอกชนอเมริกันเท่านั้น

รายงานบอกว่า ข่าวสารข้อมูลลับที่ตกเป็นเป้าการทำจารกรรมทางไซเบอร์ อาจเป็นประโยชน์ต่อภาคการทหารและภาคเทคโนโลยีของจีน ตลอดจนต่อผู้วางนโยบายของจีนซึ่งสนใจใคร่รู้ความคิดของผู้นำอเมริกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจีน

นอกจากนั้น การสอดแนมทางไซเบอร์ยังอาจช่วยให้นักวางแผนทางการทหารของจีน สามารถสร้างภาพเครือข่ายของสหรัฐฯ ทั้งในด้านการป้องกันระบบเครือข่าย ลอจิสติกส์ และสมรรถนะทางการทหารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ในช่วงวิกฤต

รายงานแจงว่า การเจาะระบบสารสนเทศเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสอดแนมทางอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีทางทหารของสหรัฐฯ และฝ่ายตะวันตก อันจะช่วยให้ปักกิ่งสามารถลดการพึ่งพิงผู้ผลิตอาวุธต่างชาติลง

นอกจากเรื่องสงครามไซเบอร์แล้ว เพนตากอนยังกล่าวถึงการเพิ่มแสนยานุภาพของปักกิ่ง ด้วยการลงทุนในขีปนาวุธต่อต้านเรือ ดาวเทียม เรือบรรทุกเครื่องบิน และอากาศยานไร้นักบิน

เพนตากอนนั้นกังวลเป็นพิเศษกับขีปนาวุธต่อต้านเรือแบบ ดีเอฟ21ดี และระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งอาวุธอื่นๆ ที่อาจโจมตีเรือพิฆาตหรือเรือบรรทุกเครื่องบินจากระยะไกล

เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จีนประกาศว่าได้เพิ่มงบกลาโหมประจำปีขึ้น 10.7% เป็น 114,000 ล้านดอลลาร์ ทว่า เพนตากอนเชื่อว่า การใช้จ่ายทางทหารแท้จริงของจีนในปี 2012 ก็ยังสูงในระดับ 135,000-215,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้จีนยังจัดสรรงบประมาณให้กับกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในมากกว่าให้กองทัพ

เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ หวา ชุนอิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้เมื่อวันอังคาร (7) ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วิจารณ์การสร้างสมแสนยานุภาพแบบปกติและเหมาะสมของจีนอย่างไร้ความรับผิดชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงปลุกระดมว่า จีนเป็นภัยคุกคามทางทหาร ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อันใดต่อความไว้วางใจและความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

หวาสำทับว่า การสร้างสมแสนยานุภาพของจีนมีเป้าหมายเพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศเท่านั้น และข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเจาะระบบข้อมูลของสหรัฐฯ เป็นการวิจารณ์โดยปราศจากหลักฐานรองรับ

อย่างไรก็ดี แม้มีความกังวลในเรื่องการเจาะระบบสารสนเทศ ทว่า เดวิด เฮลวีย์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายเอเชียตะวันออก กล่าวในการแถลงเปิดตัวรายงานฉบับนี้ที่กรุงวอชิงตันว่า ประเด็นหลักที่เป็นห่วงกันคือ การที่จีนไม่มีความโปร่งใสในการเปิดเผยระดับการปรับปรุงแสนยานุภาพของตน ซึ่งอาจทำให้ประเทศอื่นๆ คาดคำนวณด้านความมั่นคงอย่างผิดพลาด

เฮลวีย์เสริมว่า แม้ข้อวิตกทางยุทธศาสตร์สำคัญของจีนยังคงเป็นไต้หวัน แต่การปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยของแดนมังกรกำลังเริ่มมุ่งเน้นการเพิ่มสมรรถนะและความสามารถในการปฏิบัติภารกิจที่กว้างไกลกว่าข้อกังวลด้านอธิปไตยเฉพาะหน้าอย่างไต้หวันแล้ว

รายงานระบุว่า การลงทุนของจีนจำนวนมากมุ่งเน้นที่ขีปนาวุธและอาวุธอื่นๆ เพื่อโจมตีกองกำลังที่อาจเข้าประจำการหรือเข้าปฏิบัติการภายในแถบแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งเป็นอาณาบริเวณที่ปักกิ่งประกาศอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาทหลายต่อหลายแห่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น