xs
xsm
sm
md
lg

ลด “เรือบรรทุกเครื่องบิน” ที่ ตอ.กลาง วิกฤตงบฯ กระทบความมั่นคงมะกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรือบรรทุกเครื่องบิน  ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน ตามภาพที่ถ่ายไว้ในวันที่ 9 ธันวาคม 2012 และเผยแพร่แจกจ่ายโดยกองทัพเรือสหรัฐฯนี้ ต้องชะลอการเดินทางไปประจำการในตะวันออกกลาง สืบเนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯยังไม่ขยับตกลงกันให้ได้เกี่ยวกับแผนการตัดลดงบประมาณ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าปัญหาความไม่แน่นอนทางการคลัง กำลังส่งผลต่อแผนการด้านความมั่นคงในทั่วโลกของสหรัฐฯแล้ว
เอเจนซีส์ - สาเหตุความไม่แน่นอนในเรื่องงบประมาณรายจ่าย ทำให้รัฐมนตรีกลาโหม เลียน เพเนตตา ของสหรัฐฯ สั่งชะลอการส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีอีก 1 หมู่ไปประจำการในตะวันออกกลางเมื่อวันพุธ (6 ก.พ.) ที่ผ่านมา ส่งผลให้อเมริกามีเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวอยู่ในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดดังกล่าว โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเขาเพิ่งออกมาแถลงเตือนว่า การที่รัฐสภาอเมริกันนิ่งเฉยไม่กระตือรือร้นแก้ไขข้อวิตกกังวลในทางการคลัง กำลังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ยังประกาศด้วยว่า จะขอปรับขึ้นเงินเดือนให้เหล่าทหารในกองทัพในช่วงปีงบประมาณ 2014 (ต.ค. 2013 - ก.ย. 2014) เพียงแค่ 1% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่เคยคาดหมายกันไว้ เรื่องนี้ก็เป็นสัญญาณอีกประการหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านการคลังกำลังส่งผลต่อฝ่ายทหารของสหรัฐฯ

เพเนตตา ผู้กำลังจะอำลาตำแหน่งนายใหญ่เพนตากอนอยู่แล้ว สั่งชะลอการส่งหมู่เรือโจมตีที่ประกอบด้วย เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน และเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส เก็ตตีสเบิร์ก ไปประจำการในตะวันออกกลาง จากที่เดิมมีกำหนดออกเดินทางจากฐานทัพเรือในมลรัฐเวอร์จิเนียปลายสัปดาห์นี้เพื่อมุ่งสู่ภูมิภาคดังกล่าว

จอร์จ ลิตเติล โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงเมื่อวันพุธ (6) ว่า ความไม่แน่นอนด้านงบประมาณ ทำให้กองทัพเรือส่งคำร้องขอชะลอการเดินทาง ซึ่งเพเนตตาอนุมัติแล้ว และด้วยการตัดสินใจอย่างรอบคอบนี้ กองทัพเรือยังคงสามารถส่งเรือรบทั้งสองลำไปประจำการณ์ในภูมิภาคดังกล่าวได้ในระยะเวลาอันสั้น ในกรณีที่ต้องรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

แต่การตัดสินใจเช่นนี้ก็ส่งผลให้สหรัฐฯ เหลือเรือบรรทุกเครื่องบินในอ่าวเปอร์เซียอันตึงเครียดเพียงลำเดียว ซึ่งก็คือ ยูเอสเอส จอห์น ซี สเตนนิส โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง เพเนตตาได้กล่าวเตือนระหว่างแสดงปาฐกถาต่อนักศึกษามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ว่าการที่รัฐสภาไม่สามารถตกลงกับรัฐบาลเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องงบประมาณ ทำให้กระทรวงกลาโหมใกล้ที่จะต้องทำการตัดค่าใช้จ่ายให้ได้ 46,000 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 7 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

หากรัฐบาลและฝ่ายเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา กับฝ่ายรีพับลิกันซึ่งควบคุมสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ ยังคงไม่มีการทำความตกลงกันก่อนเส้นตายในต้นเดือนหน้าแล้ว ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ก็จะต้องมีการตัดงบประมาณในด้านกลาโหมและด้านอื่นๆ ลงไปฝ่ายละเท่าๆ กันแบบอัตโนมัติ โดยที่เพเนตตาบอกว่า เพนตากอนอาจจะต้องให้ลูกจ้างพลเรือนของกระทรวงซึ่งมีอยู่ 800,000 คนหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเวลา 22 วันทำงาน, ลดการปฏิบัติการของกองทัพเรือในอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตกลงไป 1 ใน 3, และตัดลดชั่วโมงบินของกองทัพอากาศ

คำเตือนของเพนตตามีขึ้นขณะที่เพนตากอนต้องดิ้นรนหนักอยู่แล้วเพื่อรับมือกับสถานการณ์งบประมาณปัจจุบัน โดยที่เวลานี้รัฐสภายังไม่ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับปี 2013 ทั้งที่เวลาผ่านไปจะเกือบครึ่งปีงบประมาณแล้ว และเพียงแต่ต่ออายุให้กระทรวงได้รับเงินตามจำนวนในปีงบประมาณ 2012 ต่อไปเท่านั้น

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพนตากอนได้ดำเนินการตัดลดรายจ่ายด้านกลาโหมลงไปแล้ว 487,000 ล้านดอลลาร์ และขณะนี้อาจจะถูกสั่งหั่นงบประมาณลงอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะ 10 ปี ภายใต้กระบวนการตัดลดงบประมาณอัตโนมัติที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม

ความกังวลว่าคองเกรสจะไม่สามารถหาข้อสรุปกันได้ ทำให้เจ้าหน้าที่เพนตากอนสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เริ่มดำเนินมาตรการลดรายจ่ายทันที และรายงานผลภายในสัปดาห์นี้ว่าจะทำอย่างไรหากกระบวนการตัดลดงบประมาณอัตโนมัติมีผลบังคับใช้จริง

ทั้งนี้ ตามแผนการที่เสนอโดยกองทัพเรือระบุว่า จะลดการใช้จ่ายระยะสั้น 6,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีทั้งการยกเลิกการซ่อมบำรุงเรือและเครื่องบินหลายสิบลำในไตรมาส 3 และ 4, ลดชั่วโมงการทำงานของเรือและเครื่องบิน และปลดพนักงานชั่วคราว 1,121 คน ส่วนใหญ่ในฝ่ายสนับสนุนในฐานทัพและอู่ซ่อมเรือ

และหากมีการลดงบประมาณเพิ่มเติมในวันที่ 1 เดือนหน้า กองทัพเรือจะพิจารณาลดจำนวนหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีในตะวันออกกลางจาก 2 หมู่เหลือเพียงหมู่เดียว, ลดชั่วโมงบินของเครื่องบินบนเรือรบที่ประจำการในภูมิภาคดังกล่าวลง 55%, รวมทั้งยกเลิกการประจำการของเรือดำน้ำจำนวนมาก

ทางด้านกองทัพอากาศนั้นระบุว่าจะตัดลดคำสั่งซื้อเครื่องบินรบเอฟ-35 จากล็อกฮีด มาร์ติน, ปรับโครงสร้างสัญญาซื้อเครื่องบินบรรทุกน้ำมันมูลค่า 52,000 ล้านดอลลาร์จากโบอิ้ง และลดชั่วโมงบินลง 18% หากมีการปรับลดงบประมาณระลอกใหม่

ส่วนกองทัพบกนั้นมีแผนปลดพนักงานชั่วคราว 1,300 คน, อนุญาตให้ลูกจ้างพลเรือนลาพัก 22 วัน, ลดปฏิบัติการในฐานทัพลง 30% และยกเลิกการซ่อมบำรุงภาคพื้นดินและอากาศในไตรมาส 3 และ 4, อีกทั้งลดการซ่อมบำรุงยานยนต์ อาวุธ และวิทยุ หากมาตรการลดงบประมาณอัตโนมัติมีผล
กำลังโหลดความคิดเห็น