อดีต รมว.คลัง อัดรัฐทุ่มเงินกระตุ้น ศก.ได้ผลไม่คุ้มค่า ชี้นโยบายประชานิยมกระตุ้น ศก. แค่ระยะสั้น ไม่ใช่แนวทางของรัฐบาลที่ก้าวหน้า เป็นต้นหตุกำลังซื้อหด เพราะคนเอาเงินไปกินเที่ยว แถมทำงบฯ รั่วไหลหายเข้ากระเป๋าคนส่วนน้อย ไม่กลับเข้ามาหมุนเวียนในระบบ เชื่อมีการอัดเม็ดเงินกว่าล้านล้านบาท แต่ไปถึงมือประชาชนแบบวัดครึ่ง กรรมการครึ่ง กลไก ศก. มันก็จะทำงานแค่ครึ่งเดียว
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ก” โดยมองว่า การที่เศรษฐกิจไทยยังแผ่ว ทั้งที่รัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านประชานิยม ช่วยเพียงกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน จึงเห็นได้ว่า ตัวเลขจีดีพีของปี 2555 ขยายตัวสูง แต่เมื่อมาถึงปีนี้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง
“พูดง่ายๆ หากรัฐบาลใช้วิธีแจกเงินแก่ประชาชนโดยเน้นการอุปโภคบริโภค จะเกิดผลทำให้เศรษฐกิจปัจจุบันโตเร็วขึ้น ตัวเลขจีดีพีสูงขึ้น แต่ผลดีมันจะเกิดเพียงสั้นๆ การกระตุ้นผ่านนโยบายประชานิยมทำให้เกิดผลเร็ว แต่ไม่ต่อเนื่อง เพราะเมื่อคนที่ได้เงินนำไปใช้กินใช้เที่ยว เมื่อหมดเงินก็จะหมดกำลังซื้อ เศรษฐกิจก็จะกลับเหงาหงอย”
นายธีระชัย ระบุว่า หากรัฐบาลเน้น 2 อย่าง คือ กระตุ้นให้เอกชนมีการลงทุนมากขึ้น และหาทางเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศ จะเกิดผลดีต่อเนื่องเป็นระยะยาว เพียงแต่การใช้จ่ายแบบนี้ รัฐบาลต้องอดทน เพราะผลที่จะเกิดต่อตัวเลขจีดีพีจะล่าช้า อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนในพรรค แต่หากทำได้จะเกิดผลดีต่อประเทศมากมายมหาศาล
นายธีระชัย มองว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากงบประมาณของรัฐบาลที่ใช้ในนโยบายประชานิยม เช่น จำนำข้าว ไม่ได้ลงไปถึงมือชาวนาโดยตรง แต่ตกหล่นไปเข้ามือเจ้าของโรงสี หรือนักการเมืองท้องถิ่น ทำให้เงินทำงานไม่เต็มที่
“มีข้อคิดของคุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ในคอลัมน์ ลม เปลี่ยนทิศ เขาระบุไว้ว่า ลองนับเล่นๆ ตั้งแต่ค่าแรง 300 บาท รถยนต์คันแรก ไปจนถึงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดที่ใช้เงินไปกว่า 6 แสนล้านบาท ผมว่าน่าจะมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่าล้านล้านบาท แล้วเงินเหล่านี้หายไปไหน ทำไมจึงไม่ทำหน้าที่ตามกลไกเศรษฐกิจ ถ้าเงินเหล่านี้ไปถึงมือประชาชนจริง ด้วยกลไกเศรษฐกิจที่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนมือ ผมเชื่อว่าเงินเหล่านี้ต้องทำงานแน่นอน เศรษฐกิจต้องโตแน่นอน แต่ถ้าเงินเหล่านี้ไปถึงมือประชาชนแบบวัดครึ่ง กรรมการครึ่ง กลไกเศรษฐกิจมันก็จะทำงานแค่ครึ่งเดียว”