แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค มั่นใจศักยภาพบริษัทในเครือหนุนรายได้ทั้งปีโตต่อเนื่องกว่า
30% ส่วนกำไรสุทธิโตแตะ 600% หลังไตรมาสแรกปีนี้โชว์กำไรพุ่งแรง 855.61% “วุฒิชัย” สุดปลื้ม ธุรกิจบริษัทในเครือหนุนผลงานจึงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เดินหน้าเฟ้นหาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มต่อยอดธุรกิจ หวังสร้างผลประกอบการเติบโตย่างแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 คาดว่าน่าจะมีการเติบโต และขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนทั้งปีคาดว่ารายได้น่าจะเติบโตมากกว่า 30% ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตกว่า 600% เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 1/2556 ที่บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวของปีก่อน 39% ส่วนกำไรสุทธิ 101.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 114.48 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 855.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 13.38 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ CEN ปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากงานโครงการมากขึ้น เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าด้านวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และโครงการภาครัฐ โดยมีงานในมือ (Backlog) จากงานโครงการที่สามารถส่งมอบได้จนถึงสิ้นปีนี้คิดเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท และเตรียมเข้าประมูลอีกกว่า 3,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีเงินสดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากผลตอบแทนจากบริษัทย่อย และการเพิ่มทุนจาก CEN-W2 และยังเดินหน้าเข้าลงทุนในบริษัทอื่นๆ เพิ่มเพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งในอนาคต
“CEN เป็น Holding ที่มีธุรกิจในหลายๆ ด้านเพื่อการเติบโตไปในอนาคตซึ่งก้าวต่อไปของ CEN นอกจากจะเป็น Holding ที่มีบริษัทย่อยอยู่แล้ว ยังคงมีแผนที่จะลงทุนในบริษัทอื่นๆ หรือธุรกิจอื่นๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทมีรายได้ และกำไรเพิ่มมากขึ้น อันจะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นต่อโดยการลงทุนต่างๆ เกิดจากการลงทุนโดยใช้เงินสดที่มีอยู่ บวกกับสถาบันการเงินสนับสนุน หรือมีการออก Warrant หลังจากที่ CEN-W2 ได้หมดอายุไปเมื่อเดือนมกราคม 2556 ซึ่งบริษัทจะมีการบริหารจัดการ และประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร” นายวุฒิชัยกล่าว
สำหรับแผนการนำ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RWI เข้าจดในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาเพื่อขยายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมด้านวัสดุก่อสร้าง หลังจากที่นำบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มาแล้ว ส่งผลให้ CEN มีผลตอบแทนที่มากขึ้นโดยบริษัทยังคงนโยบายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทคาดว่าปี 2556 จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2555 ซึ่งในส่วนของ UWC ปีนี้ทยอยรับรู้รายได้จากBacklog ที่ยังมีอยู่ และคาดว่าจะได้งานประมูลทั้งในประเทศ และต่างประเทศในส่วนของเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสาเทเลคอมระบบ 3 จี ส่วน RWI ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูง ขณะนี้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และโครงการภาครัฐที่ทำให้มีการใช้ลวดเหล็กมากขึ้น
ด้านธุรกิจพลังงานซึ่ง CEN มีบริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ผลิตและขายกระแสไฟฟ้าพร้อมพลังงานความร้อน โดยปัจจุบันมี 2 โรงไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 11MW คาดว่าจะทำกำไรได้มากขึ้นจากการปล่อยค่าแก๊สลอยตัว ด้านธุรกิจรับงานโครงการโดยมีบริษัทย่อย คือ บริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด รับงานเจาะอุโมงค์พร้อมลอดท่อ ซึ่งปัจจุบันทำงานโครงการให้แก่การไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง โดยคาดว่าปีนี้จะได้งานเพิ่มเข้ามาอีก และบริษัทย่อยน้องใหม่อีก 2 บริษัท คือ บริษัท เอชทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น ประกอบธุรกิจลานจอดรถไฮเทค และบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด คงต้องรอผลประกอบการที่จะเติบโตต่อไป