“ปูนกลาง” ระบุโครงการภาครัฐ-อสังหาฯ ดันความต้องการใช้ปูนในประเทศโตต่อ

ปูนซีเมนต์นครหลวง ชี้ปี 56 ความต้องการใช้ปูนขยับสูงขึ้นต่อเนื่องหลังรับอานิสงส์โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐนภาครัฐ และการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ แจงไตรมาสแรกรายได้สุทธิ 7,579 ล้านบาท โต 8.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมียอดขาย 6,992 ล้านบาท

นายฟิลิป อาร์โต้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ทิศทางของตลาดรวมปูนซีเมนต์ในปี 2556 นี้ คาดว่าการบริโภคปูนซีเมนต์จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงจากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน การพัฒนาระบบขนส่ง และการเพิ่มขึ้นของช่องทางการกระจายสินค้าของธุรกิจค้าปลีก ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน การขยายตัวทางการค้า และการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

จากการขยายตัวของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของยอดขายเป็นไปแนวทางเดียวกันกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายปูนซีเมนต์ของตลาดในประเทศ และตลาดชายแดน และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์เม็ดจะลดลงก็ตาม โดยยอดขายที่ดีขึ้นรวมถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ของบริษัทซึ่งมีผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขาย และราคาสืบเนื่องจากการขยายตัวทางธุรกิจในประเทศ

ทั้งนี้ ผลดีจากความต้องการปูนซีเมนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2556 ของบริษัท มีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 8.4% จาก 6,992 ล้านบาทป็น 7,579 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ลดลง เป็น 1,218 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.30 บาทสำหรับไตรมาสนี้

อย่างไรก็ตาม โครงการประหยัดพลังงานต่างๆ เช่นการผลิตไฟฟ้าจากลมร้อนทิ้ง และการใช้พลังงานทดแทนเป็นปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนพลังงานเพิ่มผลประโยชน์ให้บริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการผลิตยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วย และต้นทุนค่าขนส่ง ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นบริษัทได้มีการอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2555 ที่ 13.00 บาทต่อหุ้น โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 15.81 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 82% ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 7.00 บาทเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 และบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลที่เหลืออีกในอัตราหุ้นละ 6.00 บาท วันที่ 23 พฤษภาคม 2556