“แอล.วี.เทคโนโลยี” ยิ้มขายหุ้นเพิ่มทุนหมด ส่งผลฐานะการเงินแกร่ง รับงานได้อื้อ ขณะ
ตั้งแต่ต้นปี 56 เดินหน้าเร่งเครื่องลุยหางานใหม่ และคว้างานแล้ว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท มั่นใจยอดขายใหม่ปีนี้ตามเป้าหมาย 3,000 ล้านบาท หลังตุนงานในมือ 2,000 ล้านบาท เผยอนาคตเลือกลงทุนถือหุ้นในโครงการที่มีศักยภาพสูง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างสินทรัพย์ถาวร และรายได้ที่มั่นคงระยะยาว
นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการวิศวกรรม ออกแบบ คิดค้น พัฒนา จัดหา และควบคุมการติดตั้งอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในหลายประเทศทั่วโลก เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ขณะเดียวกัน ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นแสดงความจำนงจองซื้อมากกว่าสิทธิที่ตนเองได้รับมากกว่า 33% ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ก็ได้เร่งเดินหน้าสร้างยอดขายอย่างเต็มที่ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้งานใหม่จำนวน 4 งาน มูลค่ารวมกว่า 1,700 ล้านบาท
โดยเป็นงานโครงการก่อสร้างโรงงาน Porcelain ประเทศบราซิล มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดย Porcelain เป็นวัตถุดิบหนึ่งที่ใช้ในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือห่างจากเมืองเซาท์เปาโล ประมาณ 500 กิโลเมตร และโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานปูนซีเมนต์ขาว ประเทศมาเลเซีย โดยเพิ่มจาก 500 ตันต่อวัน เป็น 1,000 ตันต่อวัน มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างโรงงานบดซีเมนต์ ประเทศบาห์เรน กำลังการผลิต 500,000 ตันต่อปี มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท โดยโครงการนี้เป็นโครงการตามต้นแบบธุรกิจของ LVT ซึ่งมีทั้งงานออกแบบโรงงาน และระบบวิศวกรรม ตลอดจนการจัดหาและติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงาน และโครงการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตซีเมนต์จากแบบเปียก (Wet process) เป็นแบบแห้ง (Dry process) ซึ่งเป็นโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท
“ภายหลังบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้น ในการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนอย่างล้นหลามมาแล้วในก่อนหน้านี้ รวมถึงบริษัทฯ เองได้ขายหุ้นบางส่วนในบริษัทลูก LNVT ประเทศอินเดีย ทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รับงานได้หลายโครงการมากขึ้น และตั้งแต่ต้นปี 2556 บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าลุยหางานใหม่ โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้งานใหม่เข้ามาแล้วมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งในหลักการมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าโครงการทั้งหมดจะมีการลงนามในสัญญาได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้” นายเนียลเซ่นกล่าว
นายเนียลเซ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายใหม่ในแต่ละปีไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2556 บริษัทฯ คาดว่าจะได้งานมูลค่ารวมมากกว่า 1,700 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวไม่นับรวมมูลค่างานที่อยู่ระหว่างการรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2555 ที่มีอยู่จำนวน 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทฯ จะเลือกแนวทางการลงทุนใหม่โดยเข้าไปถือหุ้นในโครงการที่มีศักยภาพสูง เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างสินทรัพย์ถาวร และรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 172,846,175 หุ้น สัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.25 บาท และแถมใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 3 (LVT-W3) โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีผู้ถือหุ้นแสดงความจำนงจองซื้อมากกว่าสิทธิที่ตนเองได้รับสูงกว่า 33% ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทฯ กำหนดไว้ โดยบริษัทฯ ได้เงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม 215.39 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือ (PP) จำนวนไม่เกิน 51,000,000 หุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.25 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณา และดำเนินการ โดยคาดว่าการเจรจาขายหุ้น PP จะประสบผลสำเร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้ และหลังจากทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อย บริษัทฯ จะได้เงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และกลุ่ม PP รวมทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และขยายธุรกิจในอนาคต