xs
xsm
sm
md
lg

“แอล.วี.เทคโนโลยี” เตรียมรับงานใหม่เพิ่ม 1,000 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แอล.วี.เทคโนโลยี ระบุผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 ชัดเจน รวม 9 เดือนมีรายได้ 2,031 ล้านบาท ยันหลังปรับระบบควบคุมภายใน การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และหลักการรับรู้รายได้ใหม่ เชื่อผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ดีขึ้น และต่อเนื่องไม่แกว่งเหมือนในอดีต เตรียมประกาศงานใหม่เพิ่มอีก 1,000 ล้านบาทภายในปีนี้ ทำให้แบ็กล็อกเพิ่มขึ้นเป็น 3,200 ล้านบาท ตั้งเป้าทำกำไรปี 2556 ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการวิศวกรรมผู้ออกแบบ คิดค้น พัฒนา จัดหา และควบคุมการติดตั้งอุปกรณ์ในหลายประเทศทั่วโลก เปิดเผยว่า จากการปรับปรุงโครงสร้างการควบคุมภายใน การบริหารต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3/2555 (ก.ค.-ก.ย.55) ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 2 ประมาณ 37.6% โดยมีขาดทุนสุทธิ 68.50 ล้านบาท จากที่เคยขาดทุนสุทธิ 109.77 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2555 ขณะที่มีรายได้รวมในไตรมาสที่ 3/2555 จำนวน 441.43 ล้านบาท รวม 9 เดือน มีรายได้ 2,031.10 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2554 ที่มีรายได้รวม 2,389.32 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) คาดว่าจะมีประมาณ 3,200 ล้านบาท ภายหลังจากเซ็นสัญญารับงานเพิ่มอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท จาก 3 โครงการ ในเร็วๆ นี้

“เนื่องจากธุรกิจของ LVT ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ผมจึงต้องเดินทางไปต่างประเทศเกือบตลอดเวลา และกลับมาคราวนี้ก็ได้รับงานอีก 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการยืนยันงานเบื้องต้นแล้ว แต่จะต้องรอเซ็นสัญญาก่อนจึงจะเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งจะลงนามในสัญญาภายในปีนี้แน่นอน

สำหรับในไตรมาสที่ 4 นั้น บริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการรับรู้รายได้ของโครงการในหลายประเทศ และการขายหุ้นส่วนหนึ่งในบริษัท LNVT ในประเทศอินเดีย” นายเนียลเซ่นกล่าว

จากการปรับระบบการควบคุมภายใน การบริหารต้นทุน และหลักการรับรู้รายได้ใหม่ ต่อจากนี้ไป จะเห็นผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่แกว่งขึ้นลงมากเหมือนในอดีต เพราะนอกจากการได้งานโครงการใหม่ๆ แล้ว การลงทุนในบริษัทย่อยในต่างประเทศก็จะเก็บเกี่ยวรายได้มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของค่าที่ปรึกษา ค่ารับเหมาทำโครงการ เงินปันผล และบางโครงการที่เห็นว่าเงินที่ลงทุนไว้สร้างผลตอบแทนที่ดี ก็อาจมีการขายออกเพื่อรับรู้กำไรเข้ามาด้วย โดยคาดว่าปี 2556 จะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท และจากการลงทุนในบริษัทย่อยประมาณ 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อให้บริษัทฯ มีเงินลงทุนเพิ่มเติมที่มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องให้บริษัทฯ ในระยะยาวบริษัทฯ ได้กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 เพื่อขออนุมัติการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 396,692,350 หุ้น โดยแบ่งเป็นจำนวนไม่เกิน 51,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) และจัดสรรส่วนที่เหลือจำนวน 345,692,350 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ที่ราคา 1.25 บาทต่อหุ้น

“การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เพราะจะนำเงินเพิ่มทุนส่วนนี้ไปลงทุนในประเทศพม่า ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับ LVT เนื่องจากบริษัทฯ จะสามารถวางรากฐานสร้างทรัพย์สินถาวรที่จะสร้างรายได้ และผลกำไรต่อเนื่องในอนาคตระยะยาว โดยปัจจุบัน ประเทศพม่ามีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ปีละประมาณ 7 ล้านตัน แต่ผลิตได้เพียง 2.2 ล้านตัน และคาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 ล้านตัน” นายเนียลเซ่นกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น