แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นฯ จับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน เตรียมพร้อมขยายงานในกลุ่มอาเซียนรับ AEC พร้อมลงทุนในบริษัท ทาวเวอร์เอ็กซ์เอเซีย จำกัด เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และรุกงานในส่วนที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ เผยไตรมาส 4 รับรู้รายได้อีกกว่าพันล้านบาท จากมูลค่างานที่มีอยู่ 2,350 ล้านบาท
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบ และรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เข้าลงทุนในบริษัทที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดตั้ง (บริษัทร่วมทุน) นั้น บริษัทดังกล่าวจะเป็นการร่วมทุนกับบริษัทหนึ่งซึ่งประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ
โดย AIT จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนขั้นต้น 200 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของการลงทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และระบบโครงข่ายโทรคมนาคมในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่วนการลงทุนในบริษัท ทาวเวอร์เอ็กซ์เอเซีย จำกัด (TowerXasia) เป็นจำนวนเงิน 999,800 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมนั้น จะทำให้ AIT มีรายได้ในลักษณะของรายได้ประจำสม่ำเสมอ เสริมจากการประมูลงานต่างๆ
“การที่เราเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุนต่างๆ นี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น รวมไปถึงเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว และอย่างต่อเนื่องให้แก่บริษัทฯ” นายศิริพงษ์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2555 ของบริษัทฯ ยังคงรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยมีรายได้ในงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ 935.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 88.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 ซึ่งมีรายได้ 874.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 77.8 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2555) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,762.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 285.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ มูลค่างานที่อยู่ระหว่างการรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 มีประมาณ 2,350 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณพันกว่าล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทุกๆ ไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าทำให้รายได้รวมปี 2555 ของบริษัทฯ อยู่ที่ประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้นซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มูลค่างานที่เปิดประมูลที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงงานภาคเอกชนที่ AIT มีศักยภาพในการเข้ารับงานได้ มีมูลค่าประมาณเกือบหมื่นล้านบาท (Market Focus Value) ซึ่งหาก AIT ได้งานในส่วนนี้ก็จะเข้ามาเป็น Backlog สำหรับปีต่อไป
“งานของปี 2555 พอจะมองเห็นแล้วว่าเราก็ยังคงทำได้ดี แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญตอนนี้ คือ การเร่งหางานสำหรับการรับรู้รายได้ในปี 2556 และปีถัดๆ ไป และเราเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์ของบริษัทฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสารมากว่า 20 ปี รวมถึงมีทีมบุคลากรที่มีความสามารถ ความมั่นคงทางการเงินที่แข็งแกร่ง ผลงานที่ได้รับการยอมรับในอดีต ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจในการเข้าร่วมประมูลงานในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม การยื่นประมูลมีปัจจัยเรื่องการแข่งขันเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า จะได้งานใดบ้าง ในมูลค่าเท่าไร แต่จากผลงานของ AIT ในอดีต ก็น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนได้ว่า AIT สร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้แก่ผู้ถือหุ้นเสมอมา” นายศิริพงษ์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้ธุรกิจถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้างแล้ว คาดว่าปีหน้าจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้ พันธมิตรธุรกิจในประเทศกัมพูชาได้เล็งเห็นความสำคัญในบทบาทของ AIT ที่ให้การสนับสนุนทั้งด้านการตลาด และด้านเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้พันธมิตรขยายงานได้มากขึ้น จึงมั่นใจว่ารายได้จากการเข้าไปขยายตลาดต่างประเทศจะมีการเติบโตที่ดี และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจของ AIT ได้อย่างยั่งยืน พร้อมนี้ AIT มีแผนงานที่จะขยายตลาดสู่ประเทศพม่าในปีหน้าอีกด้วย