แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นฯ ทำรายได้ไตรมาสแรกปี 2556 แตะ 1,535 ล้านบาท สูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีกำไรสุทธิ 147.89 ล้านบาท และยังมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกกว่า 2,800 ล้านบาท ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตกว่า 30% จากปีก่อน ด้านแผนร่วมทุนกับพันธมิตรในการเข้าลงทุนธุรกิจพลังงาน และเทเลคอมในประเทศพม่า คาดว่าจะได้ข้อสรุปกลางปีนี้
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2556 รายได้ของงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ อยู่ที่ 1,535 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยหากดูจากรายได้ช่วงไตรมาสแรกย้อนหลัง 4 ปี ระหว่างปี 2552-2555 อยู่ที่ 647 ล้านบาท, 514 ล้านบาท, 1,117 ล้านบาท และ 953 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25.37% จากงวด 3 เดือนแรกของปี 2555 อยู่ที่ 23.6% ส่วนกำไรสุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 147.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555
โดยสัดส่วนโครงสร้างแบ่งเป็น งานประมูลโครงการของหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ คิดเป็น 85% รายได้จากธุรกิจการให้บริการซ่อมและบำรุงรักษา (Service Maintenance) คิดเป็น 13% ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกกว่า 2,800 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2556 ประมาณ 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีงานที่อยู่ระหว่างการเปิดใบสั่งซื้อสินค้า (P/O) อีกจำนวน 261 ล้านบาท และงานที่อยู่ระหว่างรอผลการยื่นประมูลอีกกว่า 500 ล้านบาท ตลอดจนรอประมูลงานภาครัฐที่คาดว่าจะมีการประกวดราคา มูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ในระยะเวลาที่เหลือของปี
“รายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น เป็นเพราะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว บริษัทฯ สามารถหางานได้มาก ทำให้ยอด Backlog สูงกว่า 3,000 ล้านบาท ประกอบกับรายได้ใหม่ที่เข้ามาในปีนี้อีกประมาณ 1,300 ล้านบาท ทำให้เราสามารถประมาณการรายได้ทั้งปี ณ ขณะนี้สูงถึง 4,200 ล้านบาท ดังนั้น เป้าหมายรายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 30% จากปีก่อนจึงไม่น่าจะมีปัญหา” นายศิริพงษ์กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการร่วมกับพันธมิตรเพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงาน และเทเลคอม ในประเทศพม่านั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสที่ 3 นี้ และหากเป็นไปตามคาดจะทำให้บริษัทฯ มีฐานรายได้ที่แน่นอนต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความสมดุลกับรายได้จากการประมูล
อนึ่ง ธุรกิจหลักของ AIT ในปัจจุบันคือ การรวบรวมระบบ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละองค์กร (Systems Integrator) โดยการรวบรวมดังกล่าวเป็นระบบเบ็ดเสร็จ (Solution) ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการองค์กรนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
