xs
xsm
sm
md
lg

เล็งยื่นปปช.สอบรฟท. เอื้อเอกชนทุบโฮปเวลล์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหล่งข่าวจากเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ดำเนินการรื้อถอนตอม่อโครงการโฮปเวลล์ พ่วงสัญญารถไฟฟ้าสายสีแดงด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทนั้น คปต.ได้ตรวจสอบโครงการแล้วพบว่า มีความผิดปกติหลายประการ มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนค่อนข้างชัดเจน เพราะนอกจากค่ารื้อถอนแล้ว เอกชนที่เป็นคู่สัญญา ยังได้ผลประโยชน์อย่างอื่นจำนวนมหาศาล
“การรื้อถอนตอม่อโฮปเวลล์ รฟท.ประกาศยอมจ่ายค่ารื้อถอน เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท อ้างต้นทุนการรื้อถอนสูง แต่ในข้อเท็จจริงบริษัท อิตาเลียนไทย กลับมีรายได้ส่วนต่างแฝงจากการรื้อถอนรวมทั้งสิ้นถึง 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายเศษเหล็กประมาณ 11,000 ตัน ที่จะถูกนำไปบริหารต่อโดยกลุ่มอุตสาหกรรมวิหารแดง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นของอิตัลไทยเอง โดยนำไปหลอมที่โรงงาน คือ โรงงานท้ายบ้าน หรือ 3เอส ขณะที่คอนกรีตจำนวนมหาศาล จะถูกนำไปบดย่อย เพื่อขายให้กับประชาชนทั่วไปใช้สำหรับถมที่ โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า รายได้ส่วนต่างนี้จะมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า จากการติดตามการดำเนินงาน พบว่า อิตาเลียนไทยได้เชิญบริษัทรับเหมารื้ออาคาร โดยใช้เครื่องจักรพิเศษ เข้าร่วมยื่นซองประกวดราคารับจ้างเหมาตัดในวันที่ 11 มี.ค.2555 ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมยื่นซองทั้งสิ้น 25 บริษัท ล้วนเป็นบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ โดยมีกำหนดประกาศผลในวันที่ 20 มีนาคม แต่จนถึงปัจจุบัน ทางบริษัทยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ขณะเดียวกันพบว่า มีการติดต่อผู้รับเหมารายเล็กประมาณ 5-6 ราย ซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่ทำงานรื้อตึกแถวและไม่มีประสบการณ์ในการทำงานใหญ่มาดำเนินการ โดยหวังลดต้นทุน ซึ่งจะมีปัญหาการทำงานจะส่งผลกระทบให้โครงการมีความล่าช้า และกระทบต่อประชาชนในการใช้เส้นทางสัญจรบริเวณที่มีการรื้อถอน
“รฟท.รู้ดีว่า เสาตอม่อโฮปเวลล์ มีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาล การให้อิตาเลียนไทยรื้อถอนแถมเงินให้อีก 200 ล้านบาทจึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล น่าสงสัยว่า เป็นการสมคบกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ ทั้งนี้ คปต. จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ตรวจสอบ โดยจะนำข้อมูลเข้าร้องเรียนในเร็วๆนี้” แหล่งข่าวจากคปต. กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น