xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอฟันธงคดีก่อสร้างแฟลต ตร.163 แห่ง “อภิสิทธิ์-เทือก” ผิดฐานละเว้นฯส่งต่อ ป.ป.ช.เชือด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
“ธาริต” แถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดีโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจจำนวน 163 แห่งของ สตช.ยันผลสอบสวนแล้วเสร็จพบการกระทำผิด “มาร์ค-เทือก” ผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากที่มีผู้รับเหมาจำนวน 8 ราย ยื่นหนังสือคัดค้านการจัดจ้างแบบเหมารวม พร้อมส่งสำนวนต่อให้ ป.ป.ช.เชือด!

วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้แถลงสรุปผลการสืบสวนสอบสวนโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชั้น จำนวน 163 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้

สืบเนื่องจากกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนอดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้อนุมัติหลักการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชั้น จำนวน 163 แห่ง ในวงเงิน 3,709,800,000 บาท ส่วนกลางและแยกการเสนอราคาราคาเป็นรายภาค (ตำรวจภูธรภาค 1-9, กองบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล) ต่อมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติยกเลิกการจัดจ้างโดยส่วนกลาง และแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค และอนุมัติเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว อย่างไรก็ตามอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างโดยหน้าที่หลักแล้วจะเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีอำนาจเฉพาะในส่วนตอนท้ายในเรื่องของการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง และกรณีดังกล่าวเป็นการกำหนดเงื่อนไขโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม กล่าวคือ

(1) การจัดจ้างก่อสร้างอาคารรวมกันในครั้งเดียว เป็นการกีดกันผู้รับจ้างรายย่อยไม่สามารถเข้ามาเสนอราคาได้ เนื่องจากการรวมการเสนอราคา ผู้เสนอราคาต้องมีผลงานก่อสร้างประเภทเดียวกันกับงานที่ประกวดราคาจ้างเป็นสัญญาเดียวกันในวงเงินที่สูง และต้องหาวงเงินเพื่อมาวางเป็นหลักประกันซองที่มีวงเงินสูง
(2) หากมีเหตุที่ต้องแก้ไขสัญญาในการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าเพียงแห่งเดียวก็ต้องแก้ไขให้ผู้รับจ้างทั้งสัญญา เป็นเหตุให้งานก่อสร้างต้องล่าช้าออกไป
(3) ก่อนที่มีการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการ จำนวน ๘ ราย ได้มีหนังสือกราบเรียน นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เรียน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อคัดค้านนโยบายการจัดจ้างแบบรวมรายการก่อสร้าง โดยให้เหตุผลว่า จะเป็นการกีดกันผู้รับจ้างในส่วนภูมิภาค และจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาเพียงรายเดียว เนื่องจากผู้รับจ้างในภูมิภาคจะมีผลงานการก่อสร้างและวงเงินค้ำประกัน ไม่สูงพอที่จะรับทำงานก่อสร้างตามวงเงินงบประมาณดังกล่าวได้ว่าอย่าได้ลงนามอนุมัติหรือเห็นชอบการจัดจ้างแบบรวมการก่อสร้าง ในแบบสัญญาเดียว ซึ่งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานรวจแห่งชาติ มิได้มีการสั่งการแก้ไขแต่ประการใด
(4) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 27 ประกอบ ข้อ 29 ซึ่งกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ให้ความเห็นชอบการดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้างตามที่เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำรายงานเสนอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสนอให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลพิจารณา ดังนั้น การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการในการจัดจ้างโครงการดังกล่าว และต่อมาได้ยกเลิกการจัดจ้างโดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาราคาเป็นรายภาค และอนุมัติเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว กรณีนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากการอนุมัติและเห็นชอบให้ดำเนินการจัดหาเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ดังนั้น จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักการในการจัดจ้าง โดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค ต่อมาได้อนุมัติยกเลิกการจัดจ้างโดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค และอนุมัติเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียวและเป็นสัญญาเดียว เป็นการกำหนดเงื่อนไขโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ลักษณะการกระทำความผิดดังกล่าว เข้าข่ายความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา 13 ประกอบ มาตรา 11 และมาตรา 12

นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการ จำนวน 8 ราย ได้ยื่นหนังสือ กราบเรียน นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อคัดค้านนโยบายการจัดจ้างแบบรวมรายการก่อสร้าง และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิได้มีการสั่งการแก้ไขแต่ประการใด ซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิด ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 19 บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเห็นสมควรส่งสำนวนการสอบสวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

นายธาริต กล่าวต่อว่า ตนในฐานะหัวหน้าองค์กรซึ่งทำหนังสือพร้อมความเห็นส่งไปยังปปช.นั้น ตนเชื่อว่าคณะกรรมการปปช.ควรจะพิจารณาเรื่องนี้ทำนองเดียวกับกรณีทุจริตสร้างโรงพัก โดยหมายความว่าข้อเสนอทางดีเอสไอน่าจะได้รับการพิจารณาในทำนองเดียวกันคือตั้งอนุไต่สวนเหมือนกับเรื่องโรงพัก ซึ่งเรื่องโรงพักนั้นทาง ป.ป.ช.ก็ถือได้ว่ารับช่วงต่อจากทางดีเอสไอ ทั้งนี้การตั้งอนุไต่สวนก็เหมือนกับการชี้มูลเบื้องต้นเพราะจะต้องมีการแจ้งข้อหากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อให้ชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา พร้อมกับคัดค้านอนุกรรมการที่ไต่สวนหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น