ราคาทองคำขยับเพิ่ม ลุ้นเฟดอาจผ่อนคลายทางการเงินต่อ อีกทั้งนักลงทุนขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์ออกมา หลังดัชนีดอลลาร์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนในช่วงที่ผ่านมา รอเฟดประชุมกำหนดนโยบายทางการเงินอังคาร และพุธนี้ และอีกหลายเหตุการณ์ แนะนักลงทุนระยะสั้นเสี่ยงซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนระยะกลางอาจต้องรอการปรับฐานของราคาทองคำเพื่อเข้าสะสม
สภาวะตลาดวันที่ 18 มีนาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,592.83-1,608.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ13 อยู่ที่ 22,600 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 140 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,440 บาท ขณะที่ซิลเวอร์ ฟิวเจอร์ SVJ13 อยู่ที่ 855 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 846 บาท
สำหรับแนวโน้มวันที่ 19 มีนาคม 2556 นั้น ราคาทองคำปรับขึ้นสามารถปิดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการสร้างสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิคเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีโอกาสดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เมื่อดัชนีราคาผู้บริโภค CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหาร และพลังงานของสหรัฐฯ ปรับขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งสิ่งนี้เปิดโอกาสให้เฟดสามารถดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ต่อ ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะนี้อาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เฟดอาจใช้เป็นเหตุผลในการบ่งชี้ถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับนักลงทุนขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์ออกมา หลังจากดัชนีดอลลาร์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายทางการเงินที่จะมีขึ้นในวันอังคาร และพุธนี้ กดดันให้ดอลลาร์ร่วงลงหนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามายังตลาดทองคำ อย่างไรแล้วราคาทองคำยังคงผันผวนจากการที่ไซปรัสจะเก็บภาษีผู้ฝากเงินเพื่อแลกกับมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินวงเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่งผลให้ชาวไซปรัสจำนวนมากได้แห่กันไปถอนเงิน และส่งผลให้มีการยุติการโอนเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในเวลาต่อมา ซึ่งมาตการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเหตุการณ์อันตรายซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อการทำให้เกิดการถอนเงินจากธนาคารต่างๆ ของประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินในภูมิภาคเพื่อไปฝากกับธนาคารอื่นในสหภาพยุโรป ที่ไม่ต้องเผชิญกับมาตราการด้านภาษี เบื้องต้น วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นสู่แนวต้านในบริเวณ 1,612 หรือ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นสามารถเสี่ยงซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น โดยการเข้าลงทุนต้องไม่ลืมตั้งจุดขายทำกำไร และจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ในขณะที่นักลงทุนระยะกลางอาจต้องรอการปรับฐานของราคาทองคำเพื่อเข้าสะสม
กลยุทธ์การลงทุน ** วายแอลจี ** แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,585 หรือ 1,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,612 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน
** ทองคำแท่ง (96.50%) ** แนวรับ 1,590 (22,210 บาท) 1,585 (22,140 บาท) 1,570 (21,930 บาท) แนวต้าน 1,612 (22,520 บาท) 1,620 (22,630 บาท) 1,627 (22,730 บาท) ** GOLD FUTURES (GFJ13) ** แนวรับ 1,590 (22,390 บาท) 1,585 (22,320 บาท) 1,570 (22,110 บาท) แนวต้าน 1,612 (22,700 บาท) 1,620 (22,810 บาท) 1,627 (22,910 บาท) ** SILVER FUTURES (SVJ13) ** แนวรับ 28.65 (850 บาท) 28.30 (839 บาท) 28.05 (832 บาท) แนวต้าน 29.10 (860 บาท) 29.35 (870 บาท) 29.60 (878 บาท)
สภาวะตลาดวันที่ 18 มีนาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,592.83-1,608.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ13 อยู่ที่ 22,600 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 140 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,440 บาท ขณะที่ซิลเวอร์ ฟิวเจอร์ SVJ13 อยู่ที่ 855 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 846 บาท
สำหรับแนวโน้มวันที่ 19 มีนาคม 2556 นั้น ราคาทองคำปรับขึ้นสามารถปิดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการสร้างสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิคเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีโอกาสดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เมื่อดัชนีราคาผู้บริโภค CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหาร และพลังงานของสหรัฐฯ ปรับขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งสิ่งนี้เปิดโอกาสให้เฟดสามารถดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ต่อ ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะนี้อาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เฟดอาจใช้เป็นเหตุผลในการบ่งชี้ถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับนักลงทุนขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์ออกมา หลังจากดัชนีดอลลาร์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายทางการเงินที่จะมีขึ้นในวันอังคาร และพุธนี้ กดดันให้ดอลลาร์ร่วงลงหนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามายังตลาดทองคำ อย่างไรแล้วราคาทองคำยังคงผันผวนจากการที่ไซปรัสจะเก็บภาษีผู้ฝากเงินเพื่อแลกกับมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินวงเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่งผลให้ชาวไซปรัสจำนวนมากได้แห่กันไปถอนเงิน และส่งผลให้มีการยุติการโอนเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในเวลาต่อมา ซึ่งมาตการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเหตุการณ์อันตรายซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อการทำให้เกิดการถอนเงินจากธนาคารต่างๆ ของประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินในภูมิภาคเพื่อไปฝากกับธนาคารอื่นในสหภาพยุโรป ที่ไม่ต้องเผชิญกับมาตราการด้านภาษี เบื้องต้น วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นสู่แนวต้านในบริเวณ 1,612 หรือ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นสามารถเสี่ยงซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น โดยการเข้าลงทุนต้องไม่ลืมตั้งจุดขายทำกำไร และจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ในขณะที่นักลงทุนระยะกลางอาจต้องรอการปรับฐานของราคาทองคำเพื่อเข้าสะสม
กลยุทธ์การลงทุน ** วายแอลจี ** แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,585 หรือ 1,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,612 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน
** ทองคำแท่ง (96.50%) ** แนวรับ 1,590 (22,210 บาท) 1,585 (22,140 บาท) 1,570 (21,930 บาท) แนวต้าน 1,612 (22,520 บาท) 1,620 (22,630 บาท) 1,627 (22,730 บาท) ** GOLD FUTURES (GFJ13) ** แนวรับ 1,590 (22,390 บาท) 1,585 (22,320 บาท) 1,570 (22,110 บาท) แนวต้าน 1,612 (22,700 บาท) 1,620 (22,810 บาท) 1,627 (22,910 บาท) ** SILVER FUTURES (SVJ13) ** แนวรับ 28.65 (850 บาท) 28.30 (839 บาท) 28.05 (832 บาท) แนวต้าน 29.10 (860 บาท) 29.35 (870 บาท) 29.60 (878 บาท)