xs
xsm
sm
md
lg

“เจ้าสัวเจริญ” ปิดดีลใหญ่ “เอฟแอนด์เอ็น” ได้หุ้นเกิน 90% ตามเป้าหมายแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจริญ สิริวัฒนภักดี
“เจ้าสัวเจริญ” ได้หุ้น F&N จำนวนกว่า 90.32% ตามเป้าหมายแล้ว ถือว่าปิดฉากการแข่งขันเข้าซื้อหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มีรายงานข่าวว่า บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ตส์ ของมหาเศรษฐ๊ใหญ่ของไทย "เจริญ สิริวัฒนภักดี" เจ้าของกิจการกลุ่มไทยเบฟ และธุรกิจในเครือทีซีซีกรุ๊ป ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เฟรเซอร์แอนด์นีฟ จำกัด (มหาชน) หรือเอฟแอนด์เอ็น กิจการอาหารเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่สัญชาติสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทลงได้สำเร็จตามคาด ซึ่งได้หุ้นมาอยู่ในมือกว่าร้อยละ 90 แล้วซึ่งถือว่าปิดฉากการแข่งขันเข้าซื้อหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยช่วงค่ำวานนี้ (18 ก.พ.) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ได้ออกประกาศชี้แจงผลการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เฟรเซอร์แอนด์นีฟ จำกัด (มหาชน) หรือเอฟแอนด์เอ็นว่า ได้ยุติการรับคำเสนอซื้อหุ้นดังกล่าวแล้ว หลังจากทางกลุ่มสามารถรับซื้อและถือครองหุ้นเอฟแอนด์เอ็นได้มาทั้งสิ้นกว่า 1,301 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90.32% สิ้นสุด ณ เวลา 17.30 น. วันที่ 18 ก.พ. ตามเวลาสิงคโปร์

การซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไข ข้อตกลงการเสนอซื้อที่ทำกันมาก่อนหน้านี้ โดยไทยเบฟฯ ได้เข้าถือหุ้นเอฟแอนด์เอ็นผ่านบริษัทลูก คือ อินเตอร์เบฟ อินเวสเมนท์ ลิมิเต็ด กว่า 412 ล้านหุ้น หรือเป็นสัดส่วนกว่า 28.61% และที่เหลือถือในนาม บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ นายเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี

ในแถลงการณ์ดังกล่าว นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่สามารถจบดีลการซื้อหุ้นครั้งนี้ และได้การรับรองจากผู้ถือหุ้นเอฟแอนด์เอ็นเป็นที่เรียบร้อย และหวังว่าจะทำงานร่วมกับ บริษัท ทีซีซีแอสเซ็ทส์ ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาว และการดำเนินงานที่สร้างสรรค์กับเอฟแอนด์เอ็น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจร่วมกันต่อไป

ย้อนรอยดีลใหญ่แห่งเอเชีย มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท หรือกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐครั้งนี้ เริ่มต้นการเสนอซื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2555 โดยเปิดเกมด้วยการซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็น บิ๊กล็อตจากสถาบันผู้ถือหุ้นเดิมมาได้ 22% กว่า 313 ล้านหุ้น ด้วยมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยซื้อมาจาก Oversea-Chinese Banking Corporation Limited (OCBC), Great Eastern Holdings Limited (“GEH”) และ Lee Rubber Company (Pte) Limited (“Lee Rubber”) ในราคา ราคาซื้อครั้งนั้น 8.88 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น (223.78 บาท)

หลังจากนั้นเกมไล่ซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็นก็ดำเนินต่อเนื่องมาอีกหลายระลอก มีความพยายามเสนอซื้อแข่งขันจากฝ่ายผู้ถือหุ้นเดิม และตัวแทนกลุ่มอื่น จนกระทั่งกลุ่มไทยเบฟฯเดินหน้าเก็บหุ้นได้เกิน 30% ทำให้ต้องตั้งโต๊ะรับเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของเอฟแอนด์เอ็นมาตั้งแต่เดือนพ.ย.2555 จากนั้นก็ไล่ซื้อเรื่อยมา ในราคาเสนอซื้อที่เพิ่มเป็น 9.55 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น ทำให้มูลค่าหุ้นเอฟแอนด์เอ็นปรับขึ้นไปกว่า 3 แสนล้านบาท

การไล่ซื้อดำเนินต่อเนื่องมาตลอดเดือนพ.ย.-ม.ค. มีการเลื่อนกำหนดปิดคำรับซื้อหุ้นมมาถึง 7 ครั้ง ระหว่างการเสนอซื้อประธานเอฟแอนด์เอ็น และผู้ถือหุ้นได้ทยอยลาออก และขายหุ้นให้กลุ่มเจริญ รวมทั้ง คิริน โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอัน2 ในเอฟแอนด์เอ็น โดยถืออยู่กว่า 14% ก็ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กลุ่มเจริญ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มเจริญ ยังคงรับซื้อหุ้นเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดสามาถรปิดดีลใหญ่ การซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็นลงได้ ด้วยตัวเลขถือครองกว่า 90.32% ดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น