xs
xsm
sm
md
lg

“ไทยเบฟ” เริ่มเขย่าผัง ดัน “นอนแอล” รุกโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล (ที่2จากซ้าย) แม่ทัพใหม่ของโออิชิ นายแมทธิว กิจโอทาน (ที่3จากซ้าย)
“ไทยเบฟ” เดินหน้าปรับโครงสร้างบริหารพอร์ตสินค้าหลังซื้อเอฟแอนด์เอ็นอยู่ในอ้อมอกแล้ว เตรียมเขย่าโครงสร้างบริหารทั้ง 5 บริษัทในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ “ไทยเบฟ-โออิชิ-เสริมสุข-เอฟแอนด์เอ็นมาเลเซีย และสิงคโปร์” คาดเดือนหน้าเห็นผลชัด นำร่องโยก “มารุต” มากุมบังเหียน “โออิชิ” แทน “แมทธิว” คาดดัน “แมทธิว” นั่งบริหารต่างประเทศ

นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มบริษัทในเครือไทยเบฟอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายหลังจากที่ได้ซื้อกิจการของบริษัทเอฟแอนด์เอ็นมาแล้ว ซึ่งคาดว่าในเดือนหน้าคงจะเห็นความคืบหน้าระดับหนึ่งได้ เนื่องจากว่าต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะส่วนใหญ่ทั้ง 5 บริษัทที่ทำด้านนอนแอลกอฮอล์เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น คือ ไทยเบฟ, โออิชิ, เสริมสุข และเอฟแอนด์เอ็นสิงคโปร์กับมาเลเซีย ทั้งนี้จะต้องมีการปรับโครงสร้างการบริหารงาน การปรับพอร์ตสินค้า และการทำตลาดเครื่องดื่มกลุ่มนอนแอลกอฮอล์

นอกจากฐานธุรกิจในไทยที่ใหญ่แล้ว ในต่างประเทศเราก็มีพนักงานอีกมากกว่า 850 คน มีสำนักงาน 8 แห่งกระจายในหลายประเทศ และยังมีโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสกอตแลนด์อีก 5 แห่ง และในจีนอีก 1 แห่ง ยังไม่รวมกับในประเทศไทยอีก เราเป็นองค์กรที่ใหญ่มาก จึงต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้าง

เบื้องต้นทางกลุ่มไทยเบฟได้แต่งตั้งนายมารุต บูรณะเศรษฐกุล เป็นกรรมการและกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของโออิชิ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ส่วนนายแมทธิวจะดำรงตำแหน่งแค่กรรมการเท่านั้น และวางมือจากการบริหารงานประจำ ซึ่งคาดว่าจะได้รับมอบหมายให้ไปดูแลธุรกิจในต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนนายมารุตนั้นเดิมดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ดูแลด้านการตลาดธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ ซึ่งคาดว่าคงจะมีการแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่มาแทน

ขณะเดียวกัน โครงสร้างรายได้กลุ่มนอนแอลกอฮอล์อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากว่าแต่เดิมเป้าหมายปี 2016 รายได้จากต่างประเทศของกลุ่มซึ่งทำตลาดและรับผิดชอบโดย บริษัท ไอบีเอชแอล ต้องมียอดขายรวมประมาณ 1,000 ล้านเหรียญฮ่องกง แต่ช่วงที่ผ่านมาทำได้ 300 กว่าล้านเหรียญแล้ว และเมื่อซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็นเข้ามาได้อีกทำให้รายได้รวมเกินเป้าหมายไปแล้ว คาดว่าต้องมีการปรับเป้าหมายใหม่

ทั้งนี้ ไอบีเอชแอลจะรับผิดชอบตลาดด้านยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันทำตลาดผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์แล้ว เช่น ในรัสเซีย เขมร สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ขณะที่เอฟแอนด์เอ็นจะเป็นตัวหลักในการขยายเครือข่ายตลาดเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ของกลุ่มไทยเบฟออกไปในตลาดอาเซียน และตลาดเอเชียเป็นหลัก

นายแมทธิวกล่าวถึงในส่วนของโออิชิด้วยว่า ล่าสุดได้ผนึกกำลังระหว่างบริษัทชิกเอฟแอนด์เอ็นในการนำโออิชิเข้าไปรุกตลาดเครื่องดื่มชาเขียวในประเทศมาเลเซียและตามด้วยสิงคโปร์ก่อนในเบื้องต้น และจะใช้เอฟแอนด์เอ็นเป็นฐานรุกตลาดในอาเซียนต่อไปกับเครื่องดื่มตัวอื่นๆ ในเครือ รวมทั้งกลุ่มสินค้าอาหารที่เป็นร้าน สแน็ก และอาหารแช่แข็ง แช่เย็นต่างๆ ของโออิชิด้วย และต้องการผลักดันให้โออิชิเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนแบรนด์ให้ได้ด้วย

ขณะเดียวกัน การประชุมบอร์ดโออิชิล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีการอนุมัติงบประมาณ 1,150 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรในการขยายกำลังการผลิตชาเย็นเพิ่มอีก 15 ล้านขวดต่อเดือน เป็นที่สามที่โรงงานเดิมนวนคร จากเดิมมีกำลังผลิตจาก 2 ไลน์ผลิตเท่านั้นที่นวนครกับที่วังม่วงที่เพิ่งเปิดสายการผลิตเมื่อต้นปีนี้เองรวมเป็น 60 ล้านขวดต่อเดือน จะเพิ่มเป็น 75 ล้านขวดต่อเดือนรองรับการเติบโตในต่างประเทศด้วย และหากตลาดต่างประเทศเพิ่มมากก็จะให้เอฟแอนด์เอ็นลงทุนผลิตโออิชิในมาเลเซียก็ได้

ทั้งนี้ ตามเป้าหมายเดิมแผน 5 ปีของบริษัทโออิชิกรุ๊ปที่จะสิ้นสุดภายในปี 2559 จะมีรายได้ประมาณ 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม 18,000 ล้านบาท ธุรกิจอาหาร 13,000 ล้านบาท จากเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมามีรายได้รวมแค่ 8,700 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปี 2556 นี้จะขายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจเครื่องดื่มรายได้ 7,000 กว่าล้านบาท และธุรกิจอาหาร 6,000 กว่าล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วมีรายได้รวม 11,600 ล้านบาท

“โออิชิมีเกมของเราเองชัดเจน โออิชิอยู่ในธุรกิจใหญ่ในเครือไทยเบฟ เพราะฉะนั้นวิธีการและรูปแบบการดำเนินงานของเราก็ต้องใหญ่และพร้อมเพื่อการเป็นผู้นำตลาด ตอนนี้เราแกร่งเรื่องชาเขียว และตลาดเติบโตดีเราจึงโหมตลาดนี้ก่อน ตอนนี้เรามีสินค้าทุกขนาด ทุกรูปแบบ ทุกวันที่เจาะตลาดได้ ส่วนต่อไปเราก็จะเริ่มสานต่อ เช่น กาแฟคอฟฟิโอที่คาดว่าปีหน้าจะเริ่มบุกตลาดหลังจากที่หายไปจากตลาดเพราะผลกระทบจากน้ำท่วมที่ผ่านมา เรามีเกมของเราอยู่แล้ว และเราก็อยู่ในตลาดหุ้นด้วยมีกฎเกณฑ์บังคับอยู่ไม่เหมือนกับคู่แข่งอีกแบรนด์ เห็นข่าวว่าคู่แข่งก็จะเข้าตลาดหุ้นเหมือนกัน ถ้าเข้ามาจริงอีกหน่อยก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เหมือนเรา จะมาใช้วิธีเอาเงินทุ่มเพื่อซื้อมาร์เกตแชร์ไม่ได้ เพราะผลกำไรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ผู้ถือหุ้นเมื่ออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ”


กำลังโหลดความคิดเห็น