ดีลอยท์ จับมือพันธมิตรใหม่ “เมียนมาร์วิกเกอร์” ลุยธุรกิจบริการเต็มรูปแบบ ทั้งให้คำปรึกษาด้านบัญชีภาษี และให้คำปรึกษาธุรกิจ เผยมีลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจจากทั่วโลกสนใจจะเข้าไปลงทุนในพม่าหลายบริษัท มั่นใจศักยภาพและเครือข่ายระดับโลก ผสมผสานกับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นจะช่วยลูกค้าปักธงในพม่าได้สำเร็จ
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการดีลอยท์ ประเทศไทย และประธานคณะกรรมการบริหารดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชีย กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจเข้าไปในพม่าของดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชีย ว่า ภายหลังจากพม่ามีสัญญาณการเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆจากทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ และมีแนวโน้มจะเข้ามาลงทุนอีกจำนวนมาก รวมทั้งกลุ่มลูกค้าของดีลอยท์จากทุกธุรกิจทั่วโลกเองก็ต่างจับตามอง และมีความต้องการขยายธุรกิจไปในประเทศพม่าด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ดีลอยท์จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท เมียนมาร์วิกเกอร์ (Myanmar Vigour) ภายใต้การนำของนายโซวิน ผู้ก่อตั้งเมียนมาร์วิกเกอร์ นายโซวิน มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน และมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ของพม่า
สำหรับบริษัท เมียนมาร์วิกเกอร์ ให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมบริการที่ปรึกษาธุรกิจการจดทะเบียนธุรกิจการควบรวมกิจการการสอบบัญชี และการให้คำแนะนำด้านภาษี แก่บริษัทท้องถิ่นของพม่า และบริษัทข้ามชาติมาตั้งแต่ปี 2546 การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับดีลอยท์ ที่มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความเชี่ยวชาญระหว่างกัน ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าทั้งที่มีอยู่ในประเทศพม่า และลูกค้าใหม่ที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
“ถึงแม้ขณะนี้จะยังไม่มีข้อมูลตัวเลขบริษัทที่เข้าไปลงทุนในพม่าอย่างชัดเจน แต่เราก็เริ่มเห็นภาพการขยับตัวของธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าไปเปิดสาขาของธนาคารหลายแห่งเพื่ออำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมการเงิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พม่ายังไม่พร้อมก็ยังคงมีอยู่โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ สำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการบริหารจัดการบริษัทจากต่างชาติที่เข้าไปในพม่าการให้คำปรึกษาของบริษัทที่ปรึกษามืออาชีพจะทำให้ลูกค้าลดความเสี่ยง และเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนในพม่ามากยิ่งขึ้น” นายสุภศักดิ์กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า
โดยดีลอยท์เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญตลาดหนึ่ง การขยายขอบเขตการให้บริการในพม่าจะถือเป็นความร่วมมือประเทศที่ 9 ภายหลังจากได้มีการรวมตัวเป็นดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชีย เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ 8 ประเทศได้แก่ บรูไน กวม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร ประเทศไทย และเวียตนาม โดยในปีที่ผ่านมา ดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชียถือว่ามีบทบาทสำคัญที่ทำให้รายได้รวมของภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 8