ASTVผู้จัดการรายวัน - “ดีลอยท์” คาดเศรษฐกิจของไทยยังมีโอกาสกระเตื้องขึ้น จีดีพีจะสูง 5.5-6.5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกยังน่าเป็นห่วงจากหลายๆ ปัจจัยที่รุมเร้าอยู่ ล่าสุด เพื่อตอบโจทย์ AEC ขุมทองแหล่งลงทุน ดีลอยท์ 7 ประเทศในเซาท์อีสต์ เอเชีย ประกาศรวมกันเป็นหนึ่ง วางงบพัฒนาบุคคล และระบบ 400 ล้านเหรียญ ในไทยตั้งเป้าเติบโตเพิ่ม 12% เป็นกว่า1,200 ล้านบาท จากปีก่อน 1,110 ล้านบาท
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด (ดีลอยท์ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในมุมมองของดีลอยท์คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศไทยในปีนี้ จีดีพีจะอยู่ที่ 5.5-6.5% จะยังคงขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาคการผลิต นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การบังคับมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ตลอดจนแผนการบริหารจัดการน้ำ
นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลเรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท และผู้จบปริญญาตรี เริ่มต้นเงินเดือนที่ 15,000 บาท เหล่านี้ จะกระตุ้นให้เกิดค่าใช้จ่ายในตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่จะส่งผลกระทบต่อดัชนีผู้บริโภคกับค่าครองชีพอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ต้องจับตาดูเป็นพิเศษว่า นโยบายทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อวงการธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิต อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องจับตาเช่นกัน คือ สถานการณ์ทางการเมือง
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกขณะนี้ โดยรวมยังขึ้นอยู่กับการคลี่คลายวิกฤตการณ์หนี้ในยูโรโซน ภาวะเงินเฟ้ออาจจะยังอยู่เท่าเดิม ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั่วโลกจะต้องจับตาดูวิกฤตการณ์หนี้ในยุโรปอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อีกทั้งค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ยังมีแนวโน้มจะผันผวนต่อไป อาจจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ หรือที่เลวร้ายกว่านั้น คือ การล่มสลายของระบบเงินสกุลเดียวกัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทตลอดจนค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวในจีนกับอินเดียในช่วงหลายเดือนมานี้ เพราะทั้งสองประเทศเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภครายใหญ่ของโลก เพราะฉะนั้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนกับอินเดียจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน (AEC) ถือเป็นปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจะนำไปสู่ศักยภาพของการรวมกันเป็นตลาดเดียวในปี 2558
ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นจาก AEC ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน การจัดเก็บภาษี การเคลื่อนย้ายของเงินทุน แรงงาน และการบริหารความเสี่ยง ล้วนสร้างโอกาสให้แก่ดีลอยท์ เพราะต่างต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งการตรวจสอบบัญชี การวางแผนภาษี การให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ ด้านการเงิน และการบริหารความเสี่ยง
ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการรวมกันเป็นตลาดเดียวของอาเซียน ดีลอยท์ในภูมิภาคนี้จึงได้มีการรวมตัวกันเป็นดีลอยท์ เซาท์อีสต์ เอเชีย (Deloitte SEA) ภายใต้นโยบายผสานกันเป็นหนึ่งแบบไร้ขอบเขต และไร้ขีดจำกัด (As One and Borderless-Boundless Strategy) ซึ่งเน้นการผนึกกำลังกันเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำในการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และเพื่อสะท้อนการให้ความสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อระบบเศรษฐกิจโลก ดีลอยท์จึงได้ทุ่มงบประมาณถึง 400 ล้านเหรียญ (ประมาณ 12,000 ล้านบาท) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปีงบประมาณนี้ไปจนถึงปี 2558 เพื่อเน้นการพัฒนาธุรกิจในตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถโดดเด่น และการพัฒนาที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการขยายตัวของธุรกิจ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรอย่างมืออาชีพ อีกทั้งคาดว่าจะสามารถขยายเปิดสาขาใหม่ในสหภาพพม่าได้ภายในปีนี้
สำหรับประเทศไทย ดีลอยท์ ตั้งเป้าปี 2556 จะเติบโต12% จากปี 2555 ที่รายได้ 1,110 ล้านบาท
ปัจจุบัน ดีลอยท์ดำเนินกิจการอยู่ใน 150 ประเทศทั่วโลก ดีลอยท์ เซาท์อีสต์ เอเชีย เป็นเครือข่ายของดีลอยท์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 18 ของดีลอยท์ทั่วโลก และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของดีลอยท์ในเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ เป็นบริษัทไทยแห่งแรกที่ดำเนินธุรกิจสอบบัญชี และที่ปรึกษาในประเทศไทยมายาวนานกว่า 72 ปี