ASTV ผู้จัดการรายวัน - “ดีลอยท์”เชื่อมั่นเศรษฐกิจปีนี้ตัวเลขจีดีพี 5-7%แน่ จากการฟื้นตัวหลังน้ำท่วม และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไทย ยกภาคการลงทุนและการส่งออกยังเป็นปัจจัยหลัก พร้อมแนะผู้ประกอบการไทยปรับตัวรับAEC ชี้เป็นโอกาสต่อการขยายธุรกิจและฐานลูกค้า
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ใน 4 ของโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2555 ว่า หลังรับทราบถึงผลประกอบการของบริษัทไทยที่เป็นลูกค้าดีลอยท์ ทำให้เชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ในลักษณะรีบาวด์ขึ้นประมาณ5-7% ตามที่รมว.คลังและไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งการลงทุนในประเทศและการส่งออกยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการยืนยันจากลูกค้าต่างชาติหลายราย ว่าจะลงทุนในไทยต่อไปไม่มีการย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ส่วนที่มีการจัดตั้งโรงงานเพิ่มเติมในประเทศอื่นนั้นเป็นเพียงการกระจายความเสี่ยงทางธุกริจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย ความเสี่ยงต่อสาถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอีก , สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย และปัญหาการก่อการร้ายใน3จังหวัดภาคใต้และในกรุงเทพฯ
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยภาพรวมมองว่าราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่มีความแน่นอน ด้านสหรัฐฯมีท่าทีจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ในยุโรป ปัญหาหนี้สาธารณะยังคงกดดันและคาดว่าจะมีปัญหาออกมาให้เห็นอย่องต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและ ญี่ปุ่นเริ่มมีการลงทุนมากขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศไทย ที่มีโอกาสขยายตลาด แม้จีนจะชะลอการนำเข้าลงไป
ส่วนการประชาคมเศรษฐกิตอาเซียน (AEC ) ที่จะมาถึงในปี 2558 ผู้บริหาร ดีลอยท์ กล่าวว่า จากการพบปะลูกค้าทั้งกลุ่มสถาบันการเงินและผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ พบว่าผุ้ประกอบการไทยในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มีแนวคิดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1ประเภทแรกมองว่าAEC ถือเป็นโอกาสในการขยายธุกริจและฐานลูกค้า ขณะที่อีกกลุ่มมองว่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของตน ซึ่งในส่วนของบริษัท ดีลอยท์นั้นอยากให้ผู้ประกอบการไทยทุกรายมองโอกาสและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อปรับตัวรองรับในเรื่องดังกล่าว
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ใน 4 ของโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2555 ว่า หลังรับทราบถึงผลประกอบการของบริษัทไทยที่เป็นลูกค้าดีลอยท์ ทำให้เชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ในลักษณะรีบาวด์ขึ้นประมาณ5-7% ตามที่รมว.คลังและไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งการลงทุนในประเทศและการส่งออกยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการยืนยันจากลูกค้าต่างชาติหลายราย ว่าจะลงทุนในไทยต่อไปไม่มีการย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ส่วนที่มีการจัดตั้งโรงงานเพิ่มเติมในประเทศอื่นนั้นเป็นเพียงการกระจายความเสี่ยงทางธุกริจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย ความเสี่ยงต่อสาถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอีก , สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย และปัญหาการก่อการร้ายใน3จังหวัดภาคใต้และในกรุงเทพฯ
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยภาพรวมมองว่าราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่มีความแน่นอน ด้านสหรัฐฯมีท่าทีจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ในยุโรป ปัญหาหนี้สาธารณะยังคงกดดันและคาดว่าจะมีปัญหาออกมาให้เห็นอย่องต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและ ญี่ปุ่นเริ่มมีการลงทุนมากขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศไทย ที่มีโอกาสขยายตลาด แม้จีนจะชะลอการนำเข้าลงไป
ส่วนการประชาคมเศรษฐกิตอาเซียน (AEC ) ที่จะมาถึงในปี 2558 ผู้บริหาร ดีลอยท์ กล่าวว่า จากการพบปะลูกค้าทั้งกลุ่มสถาบันการเงินและผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ พบว่าผุ้ประกอบการไทยในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มีแนวคิดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1ประเภทแรกมองว่าAEC ถือเป็นโอกาสในการขยายธุกริจและฐานลูกค้า ขณะที่อีกกลุ่มมองว่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของตน ซึ่งในส่วนของบริษัท ดีลอยท์นั้นอยากให้ผู้ประกอบการไทยทุกรายมองโอกาสและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อปรับตัวรองรับในเรื่องดังกล่าว