คาดผลพวงเออีซีเป็นโอกาสให้ขยายตลาดที่ปรึกษา เหตุธุรกิจแข่งขันหนักหน่วงขึ้น พร้อมสร้างอุปสรรคเพิ่มขึ้น เพราะต่างชาติโดดร่วมวงมากขึ้น โดยเฉพาะสิงคโปร์ หวั่นสงครามแย่งคนเก่งปะทุ เอพีเอ็มกรุ๊ปเตรียมความพร้อมปรับ 4 หน่วยธุรกิจ มั่นใจปั่นรายได้พุ่ง
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาองค์กรและการพัฒนาบุคลากร กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจที่ปรึกษาว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC 2015 เป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในอนาคต ในส่วนของโอกาสจะทำให้เกิดการขยายตัวสู่ตลาดใหม่ของธุรกิจที่ปรึกษา เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้การแข่งขันของธุรกิจเข้มข้นยิ่งขึ้น องค์กรต่างๆ ทั้งไทยและต่างชาติต้องมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคลของตนให้แข็งแกร่ง จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่ปรึกษาในการเข้าไปพัฒนากลยุทธ์และศักยภาพขององค์กรต่างๆ ให้สูงขึ้น เพื่อความพร้อมในการแข่งขัน
แต่ขณะเดียวกันก็อาจสร้างผลกระทบที่เป็นอุปสรรคด้วยเช่นกัน เพราะจะส่งผลให้ธุรกิจที่ปรึกษามีการแข่งขันสูงขึ้น บริษัทที่ปรึกษาจากต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศสิงคโปร์จะเข้ามาแข่งขันมากขึ้น ธุรกิจที่ปรึกษาไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัว ด้วยการพัฒนาศักยภาพขององค์กรและการให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาการรักษาบุคลากร การดึงตัวคนเก่งจะรุนแรงขึ้น
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับกับโอกาสและเผชิญอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น บริษัทฯ จึงกำหนดแผนยุทธศาสตร์ใหม่ในวันนี้ ด้วยการสร้างสรรค์ 4 หน่วยธุรกิจหลักเพื่อพัฒนาและต่อยอดความสำเร็จให้กับองค์กร ได้แก่ 1.Strategic Partnership การสร้างผลลัพธ์การดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้มีความก้าวหน้าสู่ความเป็นเลิศในทุกภาคอุตสาหกรรม 2.Targeted Solutions ตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า เพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรลูกค้ามีผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ 3.Center of Excellence ศูนย์พัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากร เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ของงานสู่ความเป็นเลิศ4.New Generation Development การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่
“ทั้งนี้ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ทำให้เติบโตมาถึงวันนี้เป็นปีที่ 20 มาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการคือ การเรียนรู้ แรงปรารถนา และทีมงาน โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งปีแรกๆ มีรายได้ปีละประมาณ 1-2 ล้านบาท เพราะองค์กรไทยยากมากที่จะได้รับการยอมรับจากตลาดเนื่องจากในเวลานั้นลูกค้าส่วนมากเชื่อมั่นบริษัทต่างชาติ”
“แต่เอพีเอ็มก็สามารถเติบโตจนมีรายได้ถึง 140 ล้านบาทในปี 2007 (พ.ศ.2550) และเติบโตขึ้นเป็น 300 ล้านบาทในปี 2012 (พ.ศ.2555) และมั่นใจว่าในปี 2013 (พ.ศ.2556) จะมีรายได้ถึง 400 ล้านบาท โดยในปี 2017 (พ.ศ.2560) จะมีรายได้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท”
อริญญากล่าวในตอนท้ายว่า มีลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน เช่น บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด เป็นต้น