“กิตติรัตน์” สั่งแบงก์ออมสินเร่งผุดสาขาในอำเภอที่ยังไม่มีสถาบันการเงิน พร้อมยืนยัน รบ.ไม่มีนโยบายส่งไอ้โม่งใช้อำนาจพิเศษแอบไปกู้เงิน ส่วนเอสเอ็มอีแบงก์ประกาศรับสมัคร “เอ็มดีใหม่” สะพัดทาบ “เชาวรัตน์” อดีตบิ๊ก บสท. เข้ามากุมบังเหียนดูแลหนี้เสีย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้คณะกรรมการธนาคารออมสิน โดยระบุว่า ตนเองได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสินไปเปิดสาขาในอำเภอที่สถาบันการเงินยังเข้าไม่ถึง ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีประมาณ 300 อำเภอ จาก 800 อำเภอทั่วประเทศ ที่ธนาคารออมสินยังไม่เปิดสาขา ซึ่งในจำนวนนี้มีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เปิดสาขาอยู่แล้ว จึงทำให้เหลืออำเภอที่ยังไม่มีสถาบันการเงินทำหน้าที่รับฝากเงิน และให้สินเชื่ออยู่อีกประมาณ 130 อำเภอ
ทั้งนี้ อยากให้ธนาคารออมสินพิจารณาเรื่องการเปิดสาขาในอำเภอดังกล่าว แม้ว่าในช่วงแรกของการเปิดสาขาจะยังไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของกำไรในช่วงต้นๆ แต่ให้ถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคม โดยจะให้โยกงบประมาณที่ใช้ในโครงการเพื่อสังคมที่มีการตั้งงบประจำปีมาทำเรื่องเปิดสาขา ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักในการให้บริการประชาชน
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารออมสินอีกว่า กระทรวงการคลังรวมถึงรัฐบาลไม่มีนโยบายในการส่งคนมาขอสินเชื่อ จึงขอให้คณะกรรมการทำงานได้อย่างสบายใจ โดยยืนยันทั้งต่อหน้าผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ว่า ไม่มีใครส่งว่าที่ผู้กู้เงินมาทำให้ธนาคารไม่สบายใจ เพราะธนาคารออมสินถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญมาก ซึ่งต้องคำนึงถึงเรื่องความมั่นคง
ด้านนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า รมว.คลัง มอบนโยบายให้ไปหารือกันในระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจเรื่องการเปิดสาขาในอำเภอที่ยังไม่มีสถาบันการเงิน เช่น ในอำเภอที่เกิดขึ้นใหม่ ว่าธนาคารไหนเหมาะสมที่จะไปเปิดสาขา เช่น กรณีภาคใต้ เห็นว่าควรให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเข้าไปเปิดสาขา โดยให้เชิญธนาคารพาณิชย์เข้ามาหารือเรื่องนี้ด้วย
“ไม่ใช่ให้ธนาคารออมสินไปเปิดสาขาคนเดียวทั้งหมด แต่ให้หารือกันว่าใครจะเปิดที่ไหนบ้าง ซึ่งธนาคารอาจปรับแผนการเปิดสาขาใหม่ โดยเพิ่มการเปิดสาขาในเชิงสังคม 15% และลดการเปิดสาขาในเชิงพาณิชย์เหลือ 85%” นายวรวิทย์กล่าว
สำหรับการหารือในระหว่างชมรมแบงก์รัฐซึ่งมีธนาคารออมสินเป็นประธานนั้น คาดว่าน่าจะมีการนัดหารือกันเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องที่ รมว.การคลัง ชี้แจงเรื่องไม่มีการเมืองเข้าแทรกเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ก็เป็นการยืนยันเพื่อให้ธนาคารทำงานได้อย่างสบายใจเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีคนจากการเมืองใช้อำนาจในการเข้ามาขอสินเชื่อ
ด้านนายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า เอสเอ็มอีแบงก์ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคาร โดยกำหนดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.-15 ก.พ.2556
ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสข่าวสะพัดในกระทรวงการคลัง โดยลือกันว่า มีการเสนอชื่อ นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน บริษัท บริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด (บสท.) เข้าลงชิงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการทั้งจากกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม อีกทั้งนายเชาวรัตน์ ยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอีแบงก์ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธานอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายเชาวรัตน์ ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการขายทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) จาก บสท.มานานนับ 10 ปี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเอาความเชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าวมาใช้ช่วยแก้เรื่องหนี้เสีย และขายเอ็นพีเอของเอสเอ็มอีแบงก์ได้