ขาใหญ่อสังหาฯ เบียดส่วนแบ่งผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย แค่ 3 บิ๊กอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ “ศุภาลัย-พฤกษา-แสนสิริ” ยอดขายทั้งปีปาเข้าไป 93,000 ล้านบาท “อธิป พีชานนท์” ระบุปีหน้าปูพรมเปิด 17 โครงการ รุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น หวังกระจายความเสี่ยง เพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 25% ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยขยับขึ้นอีก 5-10% พร้อมเปิดโครงการส่งท้ายปีมังกรทอง “ศุภาลัย เอลีท สาทร-สวนพลู” 1,200 ล้านบาท เคาะขาย 4.7 ล้านบาท ฟุ้งขายหมดภายในวันเปิดจอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของทุกปี โครงการที่อยู่อาศัยจะมีความคึกคัก โดยเฉพาะในปีนี้ที่ไม่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่เหมือนช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 54 ส่งผลให้ผู้ที่คิดจะมีที่อยู่อาศัยกล้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลต่างๆ รวมถึงพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ กำลังซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยเฉพาะทำเลจังหวัดนนทบุรี บางบัวทอง ที่ได้รับอานิสงส์จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง การก่อสร้างรุดหน้า ทำให้มีโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดฯ ของผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าซื้ออาคารพาณิชย์ติดริมถนนทุบทิ้ง และก่อสร้างเป็นคอนโดฯ แนวสูง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาพิจารณาถึงความสามารถในการสร้างยอดขายแล้ว บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความได้เปรียบ และมีแรงในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการ ส่งผลถึงโอกาสครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแค่ 3 บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) วางเป้ายอดขายทั้งเครือ 22,000 ล้านบาท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ คาดเป้ายอดขายทำได้ทั้งปี 29,000 ล้านบาท ล่าสุด บริษัท แสนสิริฯ ประกาศปรับเป้ายอดขายใหม่เพิ่มจาก 40,000 ล้านบาท เป็น 42,000 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมแค่ 3 บริษัท ยอดขายเกือบ 100,000 ล้านบาท
ศุภาลัยฯ ปูพรม 17 โครงการใหม่
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “SPALI” ในปี 56 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 17 โครงการ ส่วนหนึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 7-8 แห่งที่จะเปิดใหม่ในจังหวัดภูเก็ต และ จ.เชียงใหม่ นอกนั้นเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งบริษัทมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ใหม่ที่จะเปิดโครงการ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ระยอง อุดรธานี และนครราชสีมา เป็นต้น คาดว่าสัดส่วนยอดขายในตลาดต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 25% จากปีนี้ที่มีสัดส่วน 20% และมีแนวโน้มจะขยับเป็น 30%
“ปัจจุบัน ศุภาลัยได้กระจายความเสี่ยงไปตามต่างจังหวัด ไม่กระจุกตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้เริ่มกระจายต่างจังหวัด เพราะมีกำลังซื้อเฉพาะตัว ไม่ได้ไปแข่งทุกจังหวัด คิดว่ายอดขายน่าจะมีสัดส่วน 1 ใน 4 ในปีหน้า” นายอธิปกล่าว
สำหรับในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.55 นั้น ศุภาลัยได้มีการลงทุน และเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ 3 โครงการ โดยใกล้ปิดการขายได้แล้ว ได้แก่ โครงการศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์ มียอดขาย 93% หรือ 1,800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ทั้งที่เปิดขายไปได้ 3 สัปดาห์ และโครงการศุภาลัย มอนเต้ @เชียงใหม่ มียอดขาย 1,700 ล้านบาท และล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการ ศุภาลัย เอลีท สาทร-สวนพลู บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ตัวอาคารสูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 180 ยูนิต เริ่มต้น 4.7 ล้านบาท มีห้องพักอาศัยมีให้เลือกตั้งแต่แบบ 1-4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50-243 ตร.ม. คาดว่าจะขายได้หมดภายในวันเปิดจองซื้อ 15-16 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ ทางโครงการได้มอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับผู้จอง เช่น ฟรี! แอร์, วอลเปเปอร์, เฟอร์นิเจอร์ครัว, เครื่องทำน้ำร้อน, ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย, Home Automation Control และ VDO Door Phone
“3 โครงการจะมียอดขายรวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการแนวราบจะมียอดขายมากกว่า 7,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 4/55 ทำสถิติสูงสุดในรอบปี และสูงกว่าไตรมาส 3/55 ที่มียอดขายราว 5,000 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดรอโอนจำนวนกว่า 23,000 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้ใน 3 ปี โดยในจำนวน 2 ใน 3 เป็นยอดขายจากโครงการคอนโดฯ ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี่ยอดขายเฉพาะบริษัทแม่ก็สูงถึง 19,000 ล้านบาท แต่หากรวมบริษัทลูกจะทำให้มียอดขายรวมถึง 22,000 ล้านบาท และปีหน้าคาดยอดขายจะโต 15%” นายอธิปกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มราคาบ้าน และคอนโดมิเนียมในปีหน้าจะปรับราคาขึ้นไม่ 5-10% ซึ่งบริษัทจะปรับขึ้นตามต้นทุน เพราะแรงงานหายากมากขึ้นทำให้ผู้รับเหมารายย่อยอ่อนแรงลง ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามค่าขนส่งที่สูงขึ้น แต่บริษัทก็หันมาใช้วัสดุสำเร็จรูปมากขึ้น ได้แก่ วงกบ ประตู หน้าต่าง พื้นสำเร็จรูป เพื่อลดการใช้ช่าง อย่างไรก็ตาม มองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปีหน้ายังไม่ตก เพราะกำลังซื้อไม่ได้หายไป ยิ่งราคาสินค้าเกษตรดียิ่งทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น