คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
"มีขึ้นย่อมมีลง" นี่คือสัจธรรมบนโลกใบนี้ที่ทุกคนต้องเผชิญ ผู้เขียนคับคล้ายคับคลาจำได้ว่าหมอดูเคยทำนายดวง หลิน ซูเหา หรือที่คอยัดห่วงคุ้นในชื่อ เจเรมี หลิน ว่ามีช่วงพีคสุดขีดตอนปีใหม่จีน เพราะเกิดปีมังกรทอง (ปี 1988) และเผอิญมาบรรจบครบรอบอีกครั้งในปี 2012 อีกทั้งวันเกิด (23 สิงหาคม) ดันมาตรงกับตรุษจีน 23 มกราคม พอดิบพอดี ทำให้กระแส "หลินซานิตี้" ดังเป็นพลุแตก
ถึงวันนี้คำทำนายของหมอดูที่ผู้เขียนจำนามไม่ได้จริงๆ ทำท่าเป็นจริงที่ว่า "เจ-หลิน" คงไม่สามารถขึ้นเป็นยืนหยัดเป็นดาวค้างฟ้าในวงการ เอ็นบีเอ (NBA) ครั้งอยู่กับ นิวยอร์ก นิกส์ การ์ดจ่ายอเมริกันเชื้อสายไต้หวันเคยสร้างผลงานทำเฉลี่ย 22.5 แต้ม 8.7 แอสซิสต์ ช่วยต้นสังกัดชนะ 9 แพ้ 3 ก่อนเข้าสู่ออล-สตาร์เบรก แต่หลังจากนั้น "เจ-หลิน" ดวงเริ่มตกประสบปัญหาบาดเจ็บจนอดลิ้มรสชาดสัมผัสเกมเพลย์ออฟครั้งแรกในอาชีพ
ปัจจุบัน หลิน โยกมาอยู่ที่ฮุสตัน ถูกสื่อมอบภารกิจสืบทายาท เหยา หมิง ให้แบบเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนความกดดันต้องมี จากมาตรฐานที่เคยสร้างไว้สูง จึงถูกคาดหวังจากแฟนๆ ร็อคเก็ตส์ เป็นธรรมดา ซึ่งผลงานในถิ่นโตโยต้า เซ็นเตอร์ ของการ์ดวัย 24 ปี ฤดูกาลนี้ที่ผ่านไป 13 เกมไม่สู้ดีนัก เฉลี่ยแค่ 10.2 แต้ม 6.1 แอสซิสต์ ชู้ตฟิลด์โกลลงแค่ 34.8 เปอร์เซ็นต์
อันที่จริง หลิน ไม่ต้องไปใส่ใจกับการทำแต้มเป็นหลัก ต้องระลึกไว้ว่าตัวเองไม่ใช่ "พอยท์นการ์ด" ประเภทพรสวรรค์สูง แคล่วคล่องขึ้นถึงห่วงได้ตลอดๆ อย่าง รัสเซล เวสต์บรูก (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์) โทนี พาร์เกอร์ (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส) หรือแกร่งเหนือชั้นแบบ เดรอน วิลเลียมส์ (บรูกลิน เน็ตส์) แต่ควรสวมบทบาท "การ์ดจ่าย" ฉบับดั้งเดิมเล่นให้ฉลาดเหมือน สตีฟ แนช (แอลเอ เลเกอร์ส) ราจอน รอนโด (บอสตัน เซลติกส์) หรือว่า เจสัน คิดด์ (นิวยอร์ก นิกส์) ที่เน้นคุมบอลสร้างจังหวะให้เพื่อนจะดีกว่า
ตอนนี้ทีมก็ได้ เจมส์ ฮาร์เดน มือดีมาจาก "โอเคซี" ซึ่งหน้าที่ของ "เคราเฟิ้ม" ตามตำแหน่ง "ชู้ตติ้งการ์ด" ก็ส่องกันไป ด้วยการที่ ร็อคเก็ตส์ ถือว่ากลับมาเริ่มตั้งไข่ สร้างทีมกันใหม่ หากลบคำสมประมาทของ เจ.อาร์.สมิธ อดีตเพื่อนร่วมทีมนิกส์ หันมาเล่นเพื่อทีมมากขึ้น คอยปั้นฟอร์เวิร์ดอนาคตไกลอย่าง แชนด์เลอร์ พาร์สันส์ และแพทริก แพทเทอร์สัน หรือว่าเล่น "พิก แอนด์ โรล" กับเซ็นเตอร์เติร์ก โอเมอร์ อาซิก ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของ หลิน น่าจะเด่นขึ้น
นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ของจริงของผู้เล่นปีที่ 3 หนทางในสายอาชีพยัดห่วงอีกยาวไกลนัก ขอเพียงเข้าใจในบทบาท อย่าให้สมาธิไขว้เขว่ไปตามกระแส สั่งสมเรียนรู้จากประสบการณ์ สร้างบารมีให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมไว้วางใจ เจเรมี หลิน ก็สามารถฝ่าคำทำนายของหมอดูคู่หมอเดาไปได้ ต้องไม่ลืมการมีคำว่า "ซูเปอร์สตาร์" นำหน้าไม่ได้มาในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าไม่มีอาการกระเตื้องขึ้นเกรงว่า หลิน ต้องยอมรับวิถีทางของความเป็นมืออาชีพ เพราะร็อคเก็ตส์ ก็มีพื้นที่ใน "เพดานเงินเดือน" เหลือพอที่จะควานหาการ์ดมือฉมังมาคุมบอลให้ในช่วงซัมเมอร์ต่อๆ ไป
"มีขึ้นย่อมมีลง" นี่คือสัจธรรมบนโลกใบนี้ที่ทุกคนต้องเผชิญ ผู้เขียนคับคล้ายคับคลาจำได้ว่าหมอดูเคยทำนายดวง หลิน ซูเหา หรือที่คอยัดห่วงคุ้นในชื่อ เจเรมี หลิน ว่ามีช่วงพีคสุดขีดตอนปีใหม่จีน เพราะเกิดปีมังกรทอง (ปี 1988) และเผอิญมาบรรจบครบรอบอีกครั้งในปี 2012 อีกทั้งวันเกิด (23 สิงหาคม) ดันมาตรงกับตรุษจีน 23 มกราคม พอดิบพอดี ทำให้กระแส "หลินซานิตี้" ดังเป็นพลุแตก
ถึงวันนี้คำทำนายของหมอดูที่ผู้เขียนจำนามไม่ได้จริงๆ ทำท่าเป็นจริงที่ว่า "เจ-หลิน" คงไม่สามารถขึ้นเป็นยืนหยัดเป็นดาวค้างฟ้าในวงการ เอ็นบีเอ (NBA) ครั้งอยู่กับ นิวยอร์ก นิกส์ การ์ดจ่ายอเมริกันเชื้อสายไต้หวันเคยสร้างผลงานทำเฉลี่ย 22.5 แต้ม 8.7 แอสซิสต์ ช่วยต้นสังกัดชนะ 9 แพ้ 3 ก่อนเข้าสู่ออล-สตาร์เบรก แต่หลังจากนั้น "เจ-หลิน" ดวงเริ่มตกประสบปัญหาบาดเจ็บจนอดลิ้มรสชาดสัมผัสเกมเพลย์ออฟครั้งแรกในอาชีพ
ปัจจุบัน หลิน โยกมาอยู่ที่ฮุสตัน ถูกสื่อมอบภารกิจสืบทายาท เหยา หมิง ให้แบบเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนความกดดันต้องมี จากมาตรฐานที่เคยสร้างไว้สูง จึงถูกคาดหวังจากแฟนๆ ร็อคเก็ตส์ เป็นธรรมดา ซึ่งผลงานในถิ่นโตโยต้า เซ็นเตอร์ ของการ์ดวัย 24 ปี ฤดูกาลนี้ที่ผ่านไป 13 เกมไม่สู้ดีนัก เฉลี่ยแค่ 10.2 แต้ม 6.1 แอสซิสต์ ชู้ตฟิลด์โกลลงแค่ 34.8 เปอร์เซ็นต์
อันที่จริง หลิน ไม่ต้องไปใส่ใจกับการทำแต้มเป็นหลัก ต้องระลึกไว้ว่าตัวเองไม่ใช่ "พอยท์นการ์ด" ประเภทพรสวรรค์สูง แคล่วคล่องขึ้นถึงห่วงได้ตลอดๆ อย่าง รัสเซล เวสต์บรูก (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์) โทนี พาร์เกอร์ (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส) หรือแกร่งเหนือชั้นแบบ เดรอน วิลเลียมส์ (บรูกลิน เน็ตส์) แต่ควรสวมบทบาท "การ์ดจ่าย" ฉบับดั้งเดิมเล่นให้ฉลาดเหมือน สตีฟ แนช (แอลเอ เลเกอร์ส) ราจอน รอนโด (บอสตัน เซลติกส์) หรือว่า เจสัน คิดด์ (นิวยอร์ก นิกส์) ที่เน้นคุมบอลสร้างจังหวะให้เพื่อนจะดีกว่า
ตอนนี้ทีมก็ได้ เจมส์ ฮาร์เดน มือดีมาจาก "โอเคซี" ซึ่งหน้าที่ของ "เคราเฟิ้ม" ตามตำแหน่ง "ชู้ตติ้งการ์ด" ก็ส่องกันไป ด้วยการที่ ร็อคเก็ตส์ ถือว่ากลับมาเริ่มตั้งไข่ สร้างทีมกันใหม่ หากลบคำสมประมาทของ เจ.อาร์.สมิธ อดีตเพื่อนร่วมทีมนิกส์ หันมาเล่นเพื่อทีมมากขึ้น คอยปั้นฟอร์เวิร์ดอนาคตไกลอย่าง แชนด์เลอร์ พาร์สันส์ และแพทริก แพทเทอร์สัน หรือว่าเล่น "พิก แอนด์ โรล" กับเซ็นเตอร์เติร์ก โอเมอร์ อาซิก ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของ หลิน น่าจะเด่นขึ้น
นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ของจริงของผู้เล่นปีที่ 3 หนทางในสายอาชีพยัดห่วงอีกยาวไกลนัก ขอเพียงเข้าใจในบทบาท อย่าให้สมาธิไขว้เขว่ไปตามกระแส สั่งสมเรียนรู้จากประสบการณ์ สร้างบารมีให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมไว้วางใจ เจเรมี หลิน ก็สามารถฝ่าคำทำนายของหมอดูคู่หมอเดาไปได้ ต้องไม่ลืมการมีคำว่า "ซูเปอร์สตาร์" นำหน้าไม่ได้มาในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าไม่มีอาการกระเตื้องขึ้นเกรงว่า หลิน ต้องยอมรับวิถีทางของความเป็นมืออาชีพ เพราะร็อคเก็ตส์ ก็มีพื้นที่ใน "เพดานเงินเดือน" เหลือพอที่จะควานหาการ์ดมือฉมังมาคุมบอลให้ในช่วงซัมเมอร์ต่อๆ ไป