ธปท.เผย ศก.เดือน ต.ค.55 ยังขยายตัวได้ดี โดยเป็นผลจากการบริโภค-ลงทุนภายในประเทศ ภาคการผลิตเดินเครื่องเต็มที่ พร้อมมอง “ส่งออก” ไม่ทรุดไปกว่านี้ คาดภาวะ ศก.ไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือนตุลาคม 2555 เศรษฐกิจภาพรวมเติบโตจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภค และการลงทุนที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี สอดคล้องกับการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ขยายตัว
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่การส่งออกสินค้ายังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อชะลอลงเล็กน้อยจากราคาอาหารเป็นสำคัญ
การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภค และการลงทุนขยายตัวในเกณฑ์ดี ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.4 ใกล้เคียงกับแนวโน้มการเติบโตในช่วงปกติ ตามการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และการใช้จ่ายในหมวดยานยนต์ที่เร่งขึ้นเป็นสำคัญ
ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.9 จากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ขยายตัวตามการนำเข้าเครื่องจักรในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนความเสียหายจากอุทกภัยที่ยังเหลืออยูบางส่วน และเพื่อรองรับการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ การลงทุนในหมวดก่อสร้างขยายตัวจากการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรมเป็นสำคัญ
การใช้จ่ายภาคเอกชนที่อยู่ในเกณฑ์ดีสนับสนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว โดยหากเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 ตามการผลิตของอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศโดยเฉพาะหมวดอาหาร และเครื่องดื่ม ปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออกขยายตัวจากเดือนก่อนเล็กน้อย ตามการผลิตเครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ยังคงหดตัวจากความต้องการจากต่างประเทศที่อยูในระดับต่ำ สำหรับภาคเกษตร รายได้เกษตรกรทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อนจากราคาที่ปรับดีขึ้นชดเชยผลผลิตที่ลดลง
ในเดือนตุลาคม 2555 การส่งออกสินค้ายังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนนี้มีจำนวน 19,128 ล้านดอลลาร์ สรอ. หดตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 3.5 แต่หากไม่รวมการส่งออกทองคำ การส่งออกขยายตัวร้อยละ 2.4 ตามการส่งออกสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญส่วนใหญ่ที่ปรับดีขึ้น
ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 19,274 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าที่ไม่รวมทองคำขยายตัวร้อยละ 8.5 จากเดือนก่อน ตามการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าทุน และสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค
ด้านดุลการชำระเงินขาดดุลตามการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ส่วนหนึ่งจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น และการไหลออกสุทธิของเงินทุนเคลื่อนย้ายจากการออกไปลงทุนโดยตรง และลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของนักลงทุนไทย รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่ครบกำหนดของธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 3.32 ตามราคาอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักผลไม้ที่ชะลอลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.83 ตามราคาในหมวดอาหาร และเครื่องดื่ม
ส่วนภาครัฐ รายจ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากรายจ่ายที่อุดหนุนให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตามโครงการจำนำสินค้าเกษตร และรายจ่ายเงินโอนให้กองทุนหลักประกันสุขภาพเป็นสำคัญ สำหรับรายได้นำส่งอยู่ในเกณฑ์ดีตามการเพิ่มขึ้นของภาษีสรรพสามิตจากยอดขายยานยนต์เป็นสำคัญ โดยรายจ่ายที่สูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินสดขาดดุล 162 พันล้านบาท
นายเมธี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังสามารถรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกได้ โดยผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกผลิตที่เกี่ยวข้องยังจำกัดอยู่เฉพาะการส่งออก
ทั้งนี้ เชื่อว่าการส่งออกของไทยจะไม่ทรุดตัวลงไปกว่านี้ แต่จะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไปอีกระยะ โดยสาเหตุที่ทำให้เชื่อว่าการส่งออกของไทยจะทรงตัวมาจาก 2 ปัจจัย 1.จากดัชนีชี้นำการส่งออกในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ที่ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ ซึ่งให้ความเห็นว่า การส่งออกน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
2.การส่งออกของไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามการส่งออกของหลายประเทศในเอเชีย เช่น จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งการส่งออกของประเทศในเอเชียเหล่านี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งไทยก็น่าจะเดินตามในทิศทางเดียวกันกับประเทศเหล่านี้
พร้อมกันนี้ ยังมองว่าเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีในขณะนี้มาจากการบริโภค และการลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยคาดว่าโมเมนตัมที่จะกระตุ้นการบริโภคในปีหน้ามาจากมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก ซึ่งคาดว่าโมเมนตัมนี้จะมีแรงส่งไปจนถึงกลางปี 56 ประกอบกับภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย สินเชื่อยังสามารถขยายตัวได้ดี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยสนับสนุนการบริโภคให้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
นายเมธี ยังสรุปทิ้งท้ายว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือนตุลาคม 2555 ยังขยายตัวได้ดี โดยมาจากการบริโภค และการลงทุนในประเทศ ส่วนการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าจะไม่ทรุดตัวไปกว่านี้ และจะทรงตัวในระดับนี้ไปอีกระยะ พร้อมกับประเมินว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว