xs
xsm
sm
md
lg

“จรัมพร” ชี้ ศก.โลกฟื้น Q2 ปี 56 ลั่นเดินหน้าอาเซียนสตาร์ดึงเงินเข้าภูมิภาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จรัมพร” ชี้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ประมาณช่วงไตรมาส 2 ปี 2556 โดยต้องอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจกลุ่ม BRIC ประกอบด้วย บลาซิล รัสเซีย อินเดีย จีน เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมประกาศทำอาเซียนสตาร์ นำหุ้นเด่นในอาเซียนมาจัดกลุ่ม เพื่อให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความเชื่อถือมากขึ้น

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงานสัมมนา “ส่อง Trend สร้างความมั่งคั่งให้พอร์ตการลงทุน” โดยมองว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ประมาณช่วงไตรมาส 2 ปี 2556 ขณะที่สหรัฐฯ กำลังใช้นโยบายการการเงินการคลังแก้ปัญหาให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจของจีนจะชัดเจนหลังเลือกตั้งผู้นำในช่วงปลายปี แต่เศรษฐกิจจีนปีนี้ยังคงเติบโตได้ประมาณร้อยละ 7.5 โดยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจโลกยังต้องอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจกลุ่ม BRIC ประกอบด้วย บลาซิล รัสเซีย อินเดีย จีน ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นร้อยละ 26 เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพราะทำกำไรได้ดีช่วงที่ผ่านมา และทนแรงเสียดทานจากปัจจัยทั้ง และในต่างประเทศได้ดี จึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ดังนั้น เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้แก่นักลงทุนเข้ามาในภูมิภาคนี้คงต้องเดินหน้าเชื่อมโยงตลาดหุ้นในอาเซียนเข้าด้วยกันให้คืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการจัดทำอาเซียนสตาร์ ด้วยการนำหุ้นเด่นในอาเซียนมาจัดกลุ่มจะทำให้หุ้นในอาเซียนเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อถือมากขึ้น

นายกำพล อดิเรกสมบัติ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มองว่าจะฟื้นตัวได้ในปลายปีหน้า โดยยังขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2-3 จะพ้นจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะราคาบ้านเริ่มดีขึ้น การว่างงานลดลง และปัญหาหน้าผาทางการคลังคงไม่ใช่ปัญหาที่น่ากลัวแล้ว ปัญหาหนี้สาธารณะ และการขาดดุลงบประมาณจะไม่ใช่ปัญหาหน้าผาแล้ว แต่เป็นเพียงตัวถ่วงต่อเศรษฐกิจเท่านั้น

สำหรับปัญหาเศรษฐกิจยุโรป หลายประเทศฐานะยังไม่ดีขึ้นคงต้องใช้เวลาในการแก้ไข ขณะที่เศรษฐกิจจีนช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการชะลอตัว เพราะตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 7.4 มองว่าเป็นจุดต่ำสุดของจีนแล้ว จากนี้ไปจะเติบโตดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวได้ถึงร้อยละ 8 ส่วนเศรษฐกิจของไทยมองว่าปีนี้จีดีพีขยายตัวร้อยละ 5.5 ปีหน้าเติบโตได้ร้อยละ 4.5 โดยมองว่าการส่งออกจะกลับมาดีขี้น ขยายตัวร้อยละ 7 ในปีหน้า จากที่ขยายตัวร้อยละ 5 ในปีนี้ เพราะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น

สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยยังมาจากปัญหาภัยแล้ง อัตราเงินเฟ้ออาจปรับขึ้นได้ช่วงครึ่งปีหลังขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 3.3 เพราะต้นทุนหลายด้านปรับสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า ค่าเงินบาทยังผันผวน เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดโลกยังสูงทำให้เงินลงทุนไหลเข้าประเทศส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท คาดว่ายังอยู่ในระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุข กล่าวว่า ราคาทองคำในปัจจุบันผันผวนมากขึ้น ยอมรับว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 8-20 แต่ลดลงบ้างเหลือประมาณร้อยละ 5-7 เนื่องจากราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวผูกติดกับค่าเงินสกุลหลักมากขึ้น เช่น หากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ราคาทองคำลดลง และเดิมทีราคาทองคำ 3 เดือน จะเปลี่ยนราคาครั้งหนึ่ง แต่ปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงราคา 3-5 ครั้งต่อวัน นับว่ามีความผันผวนสูงมาก โดยมองว่าราคาทองคำปัจจุบันอยูู่ที่ 1,730 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะขยับไปถึง 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากนั้น ทยอยปรับขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับขึ้นไปถึง 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ใน 3 ปีข้างหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น