ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมเตือนนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนจากหุ้นบางตัวพีอีสูง รอลุ้น2-3 สัปดาห์ บจ.ประกาศงบไตรมาส3/55 กำไรเติบโตดันราคาไม่แพงเกิน แจง ภาวะตลาดหุ้นดีเป็นจังหวะบจ.-หุ้นใหม่ระดมทุน ล่าสุดดัชนีบวกอีก 9.93 จุด และมีโอกาสไปต่อ แต่ต้องระวังแรงเทขาย
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(18ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,311.21 จุด เพิ่มขึ้น 9.93 จุด หรือ0.76% มูลค่าการซื้อขาย 43,839.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดภูมิภาค-ตลาดยุโรปที่ปรับตัวขึ้นขานรับล่าสุดกรีซใกล้ได้รับเงินช่วยเหลือจากอียู และไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยสนับสนุนจาก การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.
ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,312.07 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,302.83 จุด หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 312 หลักทรัพย์ ลดลง 239 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,098.24 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,040.45 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท ลดลง 4.00 บาท CPFมูลค่าการซื้อขาย 1,710.83 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท DTACมูลค่าการซื้อขาย 1,516.48 ล้านบาท ปิดที่ 90.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,448.65 ล้านบาท ปิดที่ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้(18 ต.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับจากการที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ค่าP/E ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งถือว่าสูง เท่ากับตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้แล้ว จากเดิมในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยจะต่ำกว่าภูมิภาค ดยปีก่อนที่ 12 เท่า
ทั้งนี้ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.)จะมีการประกาศออกมาซึ่งจะต้องติดตามว่ากำไรจะออกมาเติบโตดีนั้นก็จะทำให้ค่าP/E นั้นถือว่าไม่แพง โดยหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น มีพื้นฐานการทำกำไรที่สูงอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันหุ้นบางตัวนั้นนั้นราคาหุ้นนั้นสูงไปแล้ว เพราะ การที่ค่าP/E สูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทการเติบโตกำไรในอนาคตนั้นจะต้องมีอัตราที่สูง ซึ่งจะต้องรอผลการประกาศงบในไตรมาส3/55จะออกมาสนับสนุนทำให้ราคาหุ้นนั้นไม่แพงเกินไปได้หรือ ไม่ โดยในช่วงนี้นั้นนักลงทุนก็จะต้องระมัดระวังในการลงทุน
สำหรับการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้น ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทใหม่ที่ต้องการเข้าจดทะเบียน เพื่อระดมทุนนั้น ก็จะได้ประโยชน์จากที่จะได้ราคาเสนอขายหุ้นในราคาที่สูงขึ้นตาม
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ภายหลังจากที่มีข่าวออกมาล่าสุดว่ากรีซใกล้ได้รับเงินช่วยเหลืออีกรอบ แต่ยังคงจะต้องติดตามการประชุมอียูในวันที่ 18-19 ต.ค.นี้ด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากที่ กนง.ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนมองเห็นผลตอบแทนที่แตกต่าง โดยตลาดทุนมีความน่าสนใจมากขึ้น
สำหรับ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(19 ต.ค.) ประเมินว่าดัชนี คงจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่จะต้องระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมาในระหว่างเทรดด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,302 จุด แนวต้าน 1,315-1,320 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(18ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,311.21 จุด เพิ่มขึ้น 9.93 จุด หรือ0.76% มูลค่าการซื้อขาย 43,839.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดภูมิภาค-ตลาดยุโรปที่ปรับตัวขึ้นขานรับล่าสุดกรีซใกล้ได้รับเงินช่วยเหลือจากอียู และไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยสนับสนุนจาก การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.
ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,312.07 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,302.83 จุด หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 312 หลักทรัพย์ ลดลง 239 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,098.24 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,040.45 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท ลดลง 4.00 บาท CPFมูลค่าการซื้อขาย 1,710.83 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท DTACมูลค่าการซื้อขาย 1,516.48 ล้านบาท ปิดที่ 90.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,448.65 ล้านบาท ปิดที่ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้(18 ต.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับจากการที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ค่าP/E ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งถือว่าสูง เท่ากับตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้แล้ว จากเดิมในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยจะต่ำกว่าภูมิภาค ดยปีก่อนที่ 12 เท่า
ทั้งนี้ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.)จะมีการประกาศออกมาซึ่งจะต้องติดตามว่ากำไรจะออกมาเติบโตดีนั้นก็จะทำให้ค่าP/E นั้นถือว่าไม่แพง โดยหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น มีพื้นฐานการทำกำไรที่สูงอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันหุ้นบางตัวนั้นนั้นราคาหุ้นนั้นสูงไปแล้ว เพราะ การที่ค่าP/E สูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทการเติบโตกำไรในอนาคตนั้นจะต้องมีอัตราที่สูง ซึ่งจะต้องรอผลการประกาศงบในไตรมาส3/55จะออกมาสนับสนุนทำให้ราคาหุ้นนั้นไม่แพงเกินไปได้หรือ ไม่ โดยในช่วงนี้นั้นนักลงทุนก็จะต้องระมัดระวังในการลงทุน
สำหรับการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้น ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทใหม่ที่ต้องการเข้าจดทะเบียน เพื่อระดมทุนนั้น ก็จะได้ประโยชน์จากที่จะได้ราคาเสนอขายหุ้นในราคาที่สูงขึ้นตาม
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ภายหลังจากที่มีข่าวออกมาล่าสุดว่ากรีซใกล้ได้รับเงินช่วยเหลืออีกรอบ แต่ยังคงจะต้องติดตามการประชุมอียูในวันที่ 18-19 ต.ค.นี้ด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากที่ กนง.ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนมองเห็นผลตอบแทนที่แตกต่าง โดยตลาดทุนมีความน่าสนใจมากขึ้น
สำหรับ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(19 ต.ค.) ประเมินว่าดัชนี คงจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่จะต้องระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมาในระหว่างเทรดด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,302 จุด แนวต้าน 1,315-1,320 จุด
