ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้หากกำไร บจ.ไตรมาส 3/55 ออกมาดี เชื่อนักลงทุนยังคงลงทุนหุ้นไทยแม้ราคาหุ้นจะแพง เหตุมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ “ภากร” เผยยอดบัญชีซื้อขายหุ้นสิ้น ส.ค. 7.58 แสนบัญชี ทะลุเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 7.5 แสนบัญชี จากภาวะตลาดหุ้นไทยดี-ตลท. เดินหน้าจัดสัมมนาให้ความรู้ เตรียมจัดทำแผนปีหน้า ดึงผู้ฝากเงิน-ผู้ลงทุนตราสารหนี้ลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวมมากขึ้น เผยอยู่ระหว่างหารือ บลจ.
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงนี้จะมีความผันผวนแกว่งตัวประมาณ 10 จุด ซึ่งตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ ซึ่งนักลงทุนนั้นจะต้องมีการพิจารณาการลงทุน จาก 2 ปัจจัย คือ ทิศทางเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเม็ดเงินสภาพคล่องทั่วโลกมีจำนวนมาก ซึ่งหากมีข่าวดีก็จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาก แต่ถ้าเป็รข่าวลบก็จะขายออก ส่วนอีกปัจจัยคือ เรื่องกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ซึ่งเดือนพฤศจิกายนนี้ งบกำไรไตรมาส 3/55 จะประกาศออกมา ซึ่งหากมีการเติบโตเพิ่มขึ้นก็จะทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้ามาลงทุนในหุ้น แม้ราคาหุ้นไทยจะสูงแล้วก็ตาม เพราะมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% ประกอบกับที่ผ่านมา บริษัทได้มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายซื้อขายหุ้นมากขึ้น โดย ณ เดือนสิงหาคม 2555 อยู่ที่ 758,982 บัญชี ซึ่งถือว่าทะลุเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าไว้แล้วที่ 740,000-750,00 บัญชี โดยเพิ่มขึ้น 8.38% จากสิ้นปี 2554 ที่ 700,225 บัญชี ณ เดือน สิงหาคม บัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมออยู่ที่ 198,233 บัญชี เพิ่มขึ้น 29% จากสิ้นปี 2554 ที่ 153,147 บัญชี
ทั้งนี้ แม้จำนวนบัญชีนักลงทุนปัจจุบันสูงกว่าเป้าแล้ว แต่ถือว่ายังเติบโตไม่มาก โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการให้ผู้ที่ฝากเงิน และผู้ลงทุนในตราสารหนี้หันเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง และลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวมมากขึ้น เพราะปัจจุบัน มีนักลงทุนจำนวนไม่มากที่ลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวม ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการหารือกับทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)ในการเพิ่มบัญชีลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวมมากขึ้น
“แผนจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเน้นการเพิ่มจำนวนนักลงทุนที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีเพียง 4.8 แสนรายเท่านั้น และจะมีการเพิ่มฐานนักลงทุนให้ลงทุนในกองทุนหุ้นมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำนวนไม่มาก ซึ่งเป็นแผนในปีหน้าของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับ บลจ.ต่างๆ ในการทำแผน” นายภากรกล่าว
