xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่ง 18 จุดรับ QE3 ตลท.ชี้ระยะสั้นเงินไหลเข้า แต่ระยะยาวหวั่นฟองสบู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รับ QE3 หุ้นไทยพุ่ง 18 จุด ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าตลาด เชื่อส่งผลดีระยะสั้น แต่ยุโรป สหรัฐฯ ยังมีปัญหาอยู่ ส่งผลให้ช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดหุ้นยังคงผันผวนสูง แนะนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน “วิรไท” หวั่นหากเงินไหลเข้าจำนวนมากติดต่อกันนานอาจส่งผลกระทบเกิดฟองสบู่ได้

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการออกมาตรการ QE3 ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาทองคำ และ น้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากคลายความกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จากมีการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระต้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จะส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในแถบเอเชีย จากที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี จากที่รัฐบาลทุกประเทศมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกบี้ยนั้นสูงกว่าดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศได้มีการซื้อตราสารหนี้ของไทยเดือนละ 7-8 หมื่นล้านบาท ทำให้ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ มียอดซื้อสุทธิ 6.66 แสนล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับทั้งปี 2554 ที่ 6.96 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมีเม็ดเงินไหลเข้ามามาก และต่อเนื่องนานๆ นั้น อาจจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ควร โดยจะทำให้อาจเกิดฟองสบู่ได้ และหากมีการเปลี่ยนแปลงภายใน มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ก็จะมีผลกระทบทำให้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าออกเร็ว จากที่เม็ดเงินสภาพคล่องของโลกมีจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์

“การออก QE3 ครั้งนี้ได้มีเป้าหมายว่าจะมีการนำเงินเข้าไปซื้อตราสารที่มีสินเชื่อเคหะเป็นหลักประกันเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาทรงตัว และแก้ไขปัญหาการว่างงาน เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นกลุ่มที่มีการจ้างงานจำนวนมาก หากภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นก็จะทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น และแม้จะมีการออกมาตรการทางการเงินแล้ว นักลงทุนจะต้องติดตามว่าทางเฟดจะมีการต่อมาตรการทางการคลังหรือไม่ เช่น มาตรการทางภาษีต่างๆ ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยหากไม่มีการต่อมาตรการภาษีแล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตไม่ได้ แม้จะมีการออก QE3“ นายวิรไทยกล่าว

นายวิรไทย กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2555 ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.72% โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค และอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ไทย สูงเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอยู่ที่ 3.75% และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอมีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 2.30% โดยจากการที่ตลาดหุ้นไทยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงนั้น ก็จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุน เพราะการที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงนั้นเป็นการสะท้อนว่าบริษัทมีการทำกำไรที่ดี และมีฐานะทางการเงินดี

รับ QE3 หุ้นไทยพุ่ง 18 จุด
ล่าสุด ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,276.12 จุด เพิ่มขึ้น 18.43 จุด หรือ 1.47 % มูลค่าการซื้อขาย 57,212.50 ล้านบาท และเป็นการทำ New High ในรอบ 16 ปี 2 เดือน ตามแรงตอบรับมติธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาตรการ QE3 ซึ่งทำให้แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (17 ก.ย.) ดัชนีหุ้นไทยอาจปรับฐานในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากปรับตัวขึ้นไปมากพอสมควรแล้ว และเป็นการปรับฐานเพื่อจะขึ้นต่อ อีกทั้งยังไม่ได้มีปัจจัยบวกอื่นเข้ามากระตุ้นตลาดฯ มากนัก

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 ก.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการออกมาตรการ QE3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า จะส่งผลดีระยะสั้น เนื่องจาก ยุโรปยังมีปัญหาอยู่ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีการเติบโตแต่ไม่มาก

ดังนั้น ยังคงมองว่าภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็จะยังคงผันผวนสูงอยู่ โดยนักลงทุนจะต้องระมัดระวังการลงทุน โดยหากนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะยาวก็จะเข้าลงทุนนั้นต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ และมองปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในการเข้าลงทุน เพราะการที่หุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในครั้งนี้เกิดจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามา แต่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังคงเหมือนเดิม
สำหรับการที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 10.5 ล้านล้านบาท คาดว่าอาจจะเกือบ 100% ของจีดีพีของไทยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น