xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยบวก11จุดรับใส่เงินกองทุนESM

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-หุ้นไทยพุ่ง 11 จุดรับข่าวดี เยอรมนีใส่เงินเข้ากองทุนESMได้ แต่โบรกเตือนให้จับตาผลการประชุมเฟดวันนี้ หากประกาศใช้ช่วยดันดัชนีไปต่อ ด้านประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เชื่อ 2 ปีนี้ เม็ดเงินต่างชาติไม่ไหลออกตลาดหุ้นไทย เหตุ เศรษฐกิจเติบโตดี อีกทั้งยุโรป -สหรัฐอเมริกายังไม่ฟื้น แต่อาจมีการขายกำไรบ้าง "ไพบูลย์"เผย จากไปโรดโชว์อเมริกา นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค ฟากทองคำนิ่ง หลังจากขยับตัวรอรับไปล่วงหน้าแล้ว
ความเคลื่อนไหว ตลาดหุ้นไทยวานนี้(12ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนบวกรับข่าวดีจากฟากยุโรป เมื่อผลประชุมศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันประกาศคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้ปิดตลาดที่ระดับ 1,259.96 จุด เพิ่มขึ้น 11.64 จุด หรือ 0.93% มูลค่าการซื้อขาย 35,641.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,259.96 จุด และจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,252.62 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายมองว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะมีการใช้มาตรการ QE3 แต่ส่วนตัวมองว่า เฟดไม่ควรออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 เพราะ มองว่าปัญหาของสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ใช่เรื่องสภาพคล่อง เพราะ อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ 10 ปี ขณะนี้ถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้วไม่จำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ แต่หากเฟดมีการใช้ QE3 นั้น จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวดีขึ้น ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย
สำหรับส่วนตัวมองว่าในช่วง 2 ปีนี้ เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไม่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก ประเทศไทยนั้นมีความเสี่ยงต่ำ เศรษฐกิจมีการเติบโต จากที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากที่ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ยังไม่คลี่คลาย และนักลงทุนกังวลเรื่องเงินยูโร จึงยังไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุน ขณะที่สหรัฐอเมริกานั้นยังมีความเสี่ยงอยู่ว่าหลังเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้จากที่บล.ทิสโก้ ได้มีการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ที่สหรัฐอเมริกานั้น นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยจำนนมาก โดยหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนสนใจคือ กลุ่มอุปโภคบริโภค แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็กก็สนใจเข้าลงทุน เพื่อกระจายการลงทุน จากที่ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่มีขนาดใหญ่ราคาอาจจะสูงไปแล้ว จึงยอมเข้าลงทุนในหุ้นที่มีขนาดเล็กลงมา กลุ่มรองลงมาหุ้นเกี่ยวกับการก่อสร้าง จากที่ปีหน้ารัฐบาลมีโครงการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานถึง 2.4 หมื่นล้านบาท
"หุ้นกลุ่มบริโภคและอุปโภคแม้มีคนมองว่าหุ้นแพงแล้ว แต่นักลงทุนไม่มีทางเลือกอื่น ยอมที่ซื้อแม้ราคาแพลง หุ้นที่แพงนั้น มี 3-4 ตัว ยังมีตัวอื่นรองมาที่ซื้อได้ ที่ราคายังไม่แพง ซึ่งน้ำหนักการลงทุน หากดูจากMSCI ไทยอยู่ที่ 2-3% กองทุนที่โอเวอร์เวทอาจลงทุน 3-5% ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งอาจเข้ามาซื้อลงทุนในหุ้นตัวเดิมหรือหุ้นตัวใหม่บ้าง เพื่อหาผลตอบแทนที่ดี "นายไพบูลย์กล่าว
อย่างไรก็ตามหากเฟดไม่ออกมาตรการ QE3 ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้นไทย โดยเชื่อว่าดัชนีจะไม่หลุด 1,200 จุด และสิ้นปีนี้ยังคงเป้าหมายเดิมที่ดัชนีจะอยู่ที่ 1,300 จุด ได้
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้อยู่ในแดนบวกในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากข่าวดีในเรื่องศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันอนุมัติสมทบเงินให้กองทุน ESM อย่างไรก็ตาม ตลาดฯยังคงคาดหวังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (13 ก.ย.) คาดว่าตลาดฯคงจะมี sentiment เป็นบวกได้ต่อ แต่ก็ยังคงรอผลประชุมเฟด โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,250 จุด แนวต้าน 1,260 จุด
**ทองคำทรงตัวหลังขึ้นแรงหลายวัน
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศวานนี้(12ก.ย.) ปรับเพิ่มขึ้นมาบาทละ 50 บาท โดยราคาซื้อขายทองคำแท่งอยู่ที่ 25,400/25,500 บาท ส่วนทองคำรูปพรรณอยู่ที่ 25,029.16/25,900.00 บาท
ด้าน บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ ระบุว่า ราคาทองคำในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ $10.2/Oz มาอยู่ที่ $1,743.7./Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในประเทศอยู่ที่ 1,731.8-1,746.7/Oz) ราคาทองคำปรับตัวเพิ่งขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญประกาศผลการวินิจฉัยว่าเยอรมนีสามารถจัดตังกองทุน ESM ได้โดยที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของเยอรมนีเอง ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ในวันพฤหัสบดี นี้ ว่าจะมี QE3 หรือไม่
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำประวันคาดว่าราคาทองคำเคลื่อไหวในกรอบระหว่าง$1,700,-1775./Oz โดยยังคงคำแนะนำรอย่อแล้วซื้อสะสมหากทองคำลงมาบริเวณแนวรับ $1,.710-1,730/Oz แล้วแนะนำนักลงทุนทะยอยซื้อทองคำสะสมเพื่อรอไปทำกำไรบริเวณ แนวต้าน $1.765/Oz
กำลังโหลดความคิดเห็น