นายกโบรกฯ คาดกำไรครึ่งปีแรกดี

นายก สมาคม บล.คาดกำไรโบรกเกอร์รวมครึ่งปีแรกยังดีอยู่ แม้วอลุ่มการซื้อขายปีนี้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุรายได้อื่นหนุน ขณะไตรมาส 1/55 รายได้ 8.56 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 2.18 ล้านบาท จาก 6 เดือนปีก่อน รายได้รวม 1.66 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 3.35 พันล้าบาท พร้อมแนะนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน จับตาปัจจัยต่างประเทศ-ในประเทศอย่างใกล้ชิด

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ บล.ในช่วงครึ่งปีแรก 2555 คาดว่าจะใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 16,665 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,352 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ปีนี้อยู่ที่ 2.95 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ 3.01 หมื่นล้านบาท แต่รายได้อื่นปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น รายได้จากการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีหลักทรัพย์ (พร็อพเทรด) รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (IB) รายได้จากธุรกิจอนุพันธ์เข้ามาเสริมกับรายได้ค่านายหน้า ทำให้มีรายได้ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี โดยไตรมาส 1/55 บล.รวมมีรายได้รวม 8,563 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,184 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภาวะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนั้น มีปัจจัยภายในและภายนอกที่ต้องจับตา คือ ปัจจัยปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปที่ปัญหามากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศ นั้น คือ เรื่องการเมือง ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังการลงทุนทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอก เป็นปัจจัยลบที่กดดันการลงทุน แต่ส่วนตัวมองว่า ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยดีรองรับได้ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน โดยในช่วงปีหลังนั้นจะมีการเปิดเชื่อมโยงการซื้อขายอาเซียน (อาเซียนลิงก์เกจ) ซึ่งจะต้องจับตาขยายการลงทุนในต่างประเทศด้วย

“การเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการแข่งขันที่เหมาะสมในเชิงพัฒนา ส่วนการลดแลกแจกแถมนั้นลดลง จากที่ค่าคอมมิชชันที่เก็บกับนักลงทุนนั้นเหมาะสม และตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังนั้นยังมีปัจจัยลบที่กดดันทั้งปัจจัยภายในประเทศ และต่างประเทศ ดังนั้น นักลงทุนจะต้องติดตามข่าวสารใกล้ชิด พร้อมที่จะซื้อขาย หากมีปัจจัยเข้ามากระทบแต่หากนักลงทุนที่จะลงทุนยาวนั้นควรยาวจริงๆ” นางภัทธีรากล่าว

สำหรับการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้มีการส่งหนังสือเวียนไปยัง บล. ต่างๆ ในเรื่องการรายการคำนวณเงินกองทุนสภาพคล่องสิทธิ (NC) หรืออัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) นั้น เพื่อให้ความมั่นใจเรื่องฐานะทางการเงินของ บล. เพราะหากดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวแรงจากปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปนั้น ทำให้ลูกค้าบางรายไม่สามารถชำระราคาได้ แต่ฐานะทางการเงินของ บล.ยังดีอยู่ แต่ในปัจจัยนั้นทุก บล.มี NC หรือ NCR อยู่ในระดับที่สูง ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม จากการที่ ก.ล.ต.มีการให้ความสำคัญตรงนี้ เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนว่า บล.ไทยยังมีฐานะทางการเงินที่ดี