xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรไทยมองหุ้นไทยฝ่าด่านอรหันต์ ชี้เป้าดัชนีที่ 1,250-1,300 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายปันผล K-EQUITY ควบ RKF-HI ร่วม 190 ล้านบาท เล็งตลาดหุ้นไทยปลายปีไปถึงดวงดาวที่ 1,250-1,300 จุด แนะนักลงทุนเก็บโอกาสจากกองทุนหุ้น

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ในอัตรา 1.00 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (RKF-HI) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 08.00 น.ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 กำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ รวมมูลค่าการจ่ายปันผลประมาณ 190 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานของทั้ง 2 กองทุนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของกองทุน K-EQUITY และ RKF-HI อยู่ที่ 6.00% และ 6.19% ตามลำดับ นอกจากนี้ ทั้ง 2 กองทุนยังมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุน K-EQUITY จ่ายปันผลไปแล้วถึง 18 ครั้งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนมิถุนายน 2535 คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 21.93 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุน RKF-HI ซึ่งจัดตั้งในเดือนธันวาคม 2536 จ่ายปันผลมาแล้วรวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง คิดเป็นเงินปันผลรวม 6.94 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีของกองทุน K-EQUITY อยู่ที่ 18.47% และกองทุน RKF-HI อยู่ที่ 18.65% ซึ่งยังคงเอาชนะผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 17.04%”

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะยังคงสามารถไปแตะระดับ 1,250-1,300 จุดได้ตามเป้าหมายที่คาดหมายไว้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีความสามารถที่จะรับมือกับวิกฤตปัญหาหนี้ในยุโรป เห็นได้จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งอยู่ในระดับสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องด้วยแรงหนุนภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการบริโภคภาคเอกชนจากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ โดยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2555 ส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และเดือนเดียวกันในปี 2554 ซึ่งเมื่อผนวกกับแรงผลักดันจากภาครัฐในการดำเนินนโยบายสนับสนุนการเติบโตของภาคการใช้จ่ายในประเทศ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปี 2555 สามารถขยายตัวได้ถึง 5.70%

นอกจากเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อีกแล้ว บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยยังคงมีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง และระดับราคาปัจจุบันก็ยังค่อนข้างถูกเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคก็เป็นปัจจัยบวกอีกประการหนึ่ง โดยกว่า 71% ของบริษัทจดทะเบียนไทยมีกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิของตลาดหุ้นไทยในปีหน้า (Forward P/E) ที่ 12.46 เท่า นับว่ายังถูกกว่าตลาดหุ้นของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียซึ่งมี Forward P/E ที่ 14.72 เท่า และสิงคโปร์ที่ 13.54 เท่า ส่งผลให้เม็ดเงินจากต่างชาติน่าจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

“สำหรับกองทุนหุ้นของ บลจ.กสิกรไทย เราเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร อุปโภคบริโภค และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักเพื่อลดความผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งวิกฤตหนี้ยุโรปที่แม้จะมีทิศทางดีขึ้นหลังการประชุม EU Summit แต่ก็ยังต้องการความชัดเจนในแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ซึ่งเราเชื่อว่า ปัจจัยภายในประเทศที่แข็งแกร่งทั้งการบริโภคและการลงทุนจะช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่อไปได้ และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้นด้วยเช่นกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น