กองทุนทาร์เกตฟันด์ หรือกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ เป็นที่ถูกอกถูกใจนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างพากันเปิดขายไอพีโอกันหลายกองนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งกระแสกองทุนทาร์เกตฟันด์เคยได้รับความนิยมมาเเล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้บริหาร บลจ.หลายคนก็ยอมรับว่ากองทุนดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากการลงทุนนั้นค่อนข้างเข้าใจง่าย หากได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะปิดกองทุนทันที
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้กระแสกองทุนทาร์เกตฟันด์กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง คือหลายคนมองว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสไปถึงฝัน แม้ระยะสั้นจะผันผวนระหว่างทางบ้าง และจังหวะนี้ก็เป็นช่วงที่ดีในการเก็บเกี่ยวหุ้นเข้าพอร์ต
เริ่มกันที่วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เห็นว่า ปัจจุบันระดับ P/E ของหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 12% ซึ่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคอย่างสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งหากเศรษฐกิจในยุโรปมีปัญหารุนแรงมากตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวลงไปถึงระดับ 980 ได้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ร้ายแรงอาจวิ่งไปถึงระดับ 1,290 จุดได้
ทางด้าน สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย มองว่า เราวางเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ประมาณ 1,300 จุด ถึงแม้วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะกรีซได้กลับมาสร้างความกังวลให้นักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง แต่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของตลาดน่าจะจำกัด เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ประเด็นดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว ถือเป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปลงทุน ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มนิ่งมากขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยเองยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ดังจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยอยู่ในระดับ 25% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ระดับ 11.8%
ส่วน มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) มองว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังของปี2555 ยังน่าลงทุน จากความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำลดที่จะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ การขยายตัวของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่ยังโตต่อเนื่อง และมูลค่าหุ้นที่ถูกจะเป็นสิ่งจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจในตลาดหุ้นไทย โดยปัจจัยเสี่ยงยังคงมาจากภายนอกประเทศเป็นหลัก ทั้งปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศกลุ่มยูโร และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็มองเแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันว่า “หุ้นไทย” ยังสามารถผ่านมรสุมวิกฤตหนี้ยุโรป รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไปได้ เพราะพื้นฐานของไทยยังแข็งแกร่ง แม้จะมีเรื่องปัจจัยภายนอกกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ยัง “เอาอยู่” ส่วนปัจจัยลบภายในประเทศที่รู้ๆ กันอย่างประเด็นการเมืองนั้นอาจกระทบตลาดหุ้นไทยบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และรายย่อย เข้าใจสถานการณ์ เห็นได้จากหลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่ดุเดือดกันข้างนอกแต่ข้างในตลาดหุ้นกลับมีม็อบเขียวพุ่งเอาพุ่งเอา เป็นต้น
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้กระแส “กองทุนทาร์เกตฟันด์" กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าระยะเวลาและผลตอบแทนจะแตกต่างกัน เช่น ลงทุน 8 เดือนให้ผลตอบแทน 8% หรือลงทุน 10 เดือนให้ผลตอบแทน 10% เป็นต้น ด้วยหลักการลงทุนที่เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ทำให้กองทุนทาร์เกตฟันด์ได้รับความนิยมจากนักลงทุน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากองทุนดังกล่าวจะไม่มีข้อจำกัดหรือความเสี่ยงแต่อย่างใด ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนยอมรับความเสี่ยงนี้ได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง